นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมมาตรการช่วยเหลือภาคเอกชน ว่า ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อออกชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มุ่งเน้นภาคท่องเที่ยวเป็นสำคัญ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอการเดินทางท่องเที่ยว จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยให้หน่วยงานทั้งหมดเร่งพิจารณาเพื่อสรุปรายละเอียดของชุดมาตรการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในเดือนมี.ค. นี้ เพื่อให้ชุดมาตรการมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายเดือนมี.ค. 2563 ซึ่งจะสอดรับกับช่วงเทศกาลหยุดยาวในเดือนเม.ย. 2563

รายเอียดเบื้องต้นของชุดมาตรการดังกล่าว จะเน้นการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นหลัก เพื่อประคับประคองภาคการท่องเที่ยวของไทยในช่วงที่ทุกประเทศได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยจะมีทั้งการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ การลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับพนักงาน รวมทั้งยังมีมาตรการภาษีดี

“ต้องยอมรับว่าตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ก็ต้องหันมาดูเรื่องท่องเที่ยวในประเทศ ที่แม้จะไปทดแทนรายได้จากการท่องเที่ยวของต่างชาติไม่ได้ แต่ตอนนี้ทำอะไรได้รัฐบาลก็พยายามทำออกมา แนวทางใดที่ทำให้มีงาน ทำให้มีรายได้เพิ่มก็จะเร่งออกมา ซึ่งกระทรวงการคลัง และหน่วยงานในภาคท่องเที่ยวกำลังออกแบบแพคเก็จเพื่อให้คนสนใจการท่องเที่ยวในประเทศ โดยเบื้องต้นคุยกันว่าจะมีมาตรการสนับสนุนให้ผู้สูงอายุที่เกิน 60 ปี ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา ให้นำใบเสร็จค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีให้ลูกหลานได้ ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยได้”นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังเตรียมออกมาตรการเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย ผ่านมาตรการชิม ช้อป ใช้ เฟส 4 เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะพิจารณา รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการผ่อนคลายหลักเกณฑ์ของมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อทำให้เกิดสภาพคล่องในระบบ ในการรองรับผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ในสภาวะการณ์แบบนี้

“ปีนี้เป็นปีพิเศษ ไทยเจอมรสุมเยอะ ดังนั้นเราต้องดูแลกัน นายกรัฐมนตรีกำชับตลอดเวลา ว่าคนไทยต้องไม่ทิ้งกัน โดยสิ่งที่กำลังดำเนินการเหล่านี้จะเป็นมาตรการที่ประคองและผ่อนคลายสถานการณ์ให้ประเทศได้ อะไรที่เข้า ครม. ก่อนได้จะเร่งเข้าเพื่อกระกาศใช้ในช่วงปลายเดือนมี.ค. นี้ ในระหว่างที่ช่วงนี้รอให้งบประมาณผ่าน และช่วงนี้ต้องประคองภาคการท่องเที่ยวเป็นพิเศษ”นายสมคิด กล่าว

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า หลังจากนี้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงแรงงาน ธปท. สมาคมธนาคารไทย สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเร่งกลับไปคิดชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละหน่วยงานมา และนำมาประกอบกันเป็นชุดมาตรการใหญ่ เพื่อที่จะเสนอให้ ครม. พิจารณา เพื่อให้ชุดมาตรการมีผลในเดือนมี.ค. นี้ ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการที่เร็วแล้ว โดยคิดว่าจะช่วยการพยุงการท่องเที่ยวและภาคส่วนเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง

ทั้งนี้ เบื้องต้นชุดมาตรการที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ประกอบด้วย มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ มาตรการภาษีให้ผู้ประกอบการจ้างพนักงานต่อ การลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต และลดวงเงินผ่อนชำระขั้นต่ำ ซึ่งสถาบันการเงินพร้อมพิจารณาในส่วนนี้ โดยรายละเอียดทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการพิจารณา

“ทั้งหมดนี้เป็นมาตรการที่ไม่ใช่มาตรการถาวร ไม่ต้องห่วงว่าจะกระทบกับเงินงบประมาณ และมาตรการที่จะออกมาอยู่ในรูปแบบที่รัฐบาลดูแลได้ ทุกอย่างอยู่ในกรอบ อยู่ในวินัยที่ดูแลอยู่”นายอุตตม กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน