เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 29 พ.ค. ที่ห้องคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ระหว่างการเป็นประธานเปิดงาน TRC 2017 ในหัวข้อ การค้าข้าวไทย และทิศทางในอนาคต ว่า งานดังกล่าวเป็นโอกาสดีที่ทุกฝ่ายจะมาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ตลอดจนหาวิธีการแก้ปัญหาและพัฒนาอุตสาหกรรมข้าว ที่กำลังได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

โดยในส่วนของประเทศไทยได้มุ่งเน้นการระบายสต๊อกข้าว ซึ่งกดดันราคาข้าวมานาน โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมารัฐบาลสามารถระบายข้าวออกไปได้แล้วจำนวน 13 ล้านตัน จากสต๊อกที่มีอยู่ทั้งหมด 18 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งการที่ขายข้าวได้น้อยเงินกว่าเงินงบประมาณที่ใช้ในโครงการจำนำข้าว ก็เพราะส่วนหนึ่งมีการทุจริต ทำให้ได้ข้าวคุณภาพห่วย ในส่วนของคดีความที่ฟ้องร้องในคดีจำนำข้าวก็ยังยืดเยื้อ เพราะต้องสู้กันหลายศาล ซึ่งผลจากการแบกสต๊อกข้าวไว้ทำให้รัฐมีภาระค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสูงถึงเดือนละกว่า 1 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัญหาข้าวมีความซับซ้อน ดังนั้นการแก้ไขจึงมีความจำเป็นต้องกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์ข้าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทั้งการปรับโครงสร้างการผลิต การลดพื้นที่เพาะปลูกเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการผลิตและการส่งออก ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนาสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างยั่งยืนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยังสนับสนุนการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อสร้างนวัตกรรมข้าว ตามแนวทางประเทศไทย 4.0 ขณะเดียวกัน ไทยยังพยายามเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV เนื่องจากมีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่ใกล้เคียงกัน เพื่อสร้างความรับรู้ให้ตลาดเข้าใจวิถีชุมชนและเห็นคุณค่าของข้าวมากขึ้น และการร่วมมือจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย มากกว่าจะแข่งขันกันอย่างเดียว

สำหรับปัญหาความตกลงซื้อ-ขายข้าว หรือจีทูจี กับรัฐบาลจีนซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าในทางปฏิบัตินั้น นายกฯ กล่าวว่าการจะคบหากับใครไทยก็ต้องเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ ซึ่งปัญหาเกิดจากติดขัดในการเจรจาเรื่องอื่นจึงกระทบต่อการเจรจาค้าข้าว ก็อยากให้รู้จักการรับแล้วต้องรู้จักการให้ด้วย เช่นเดียวกับโครงการนาแปลงใหญ่ ที่คืบหน้าช้าเพราะบางส่วนมีปัญหาหนี้สินและบางส่วนไม่ยอมปรับพฤติกรรมการทำนา ส่วนการพัฒนานวัตกรรมสินค้าข้าวนั้น หากจะให้รัฐบาลเพิ่มงบวิจัยก็ต้องมีการปรับแก้กฎระเบียบการใช้จ่ายเงินภาครัฐที่ต้องนำมาสู่การผลิตสินค้าที่จำหน่ายได้จริง

ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า แนวโน้มข้าวในปีนี้ตลาดซื้อขายข้าวกลับมาเป็นของไทยอีกครั้งแล้วมั่นใจว่าจะส่งออกไปได้ถึง 10 ล้านตัน เพราะเศรษฐกิจโลก และประเทศผู้นำเข้าข้าวไทยก็กลับมาฟื้นตัวบางตลาดที่เคยหายไปก็กลับมาสนใจซื้อข้าวไทยอีกครั้งเช่น อิรัก อิหร่าน อาฟริกา จีน ฮ่องกง โดยขณะนี้บางประเทศได้ส่งตัวแทนมาเจรจาเพื่อนำเข้าข้าวและความร่วมมืออื่นๆ จากไทยในงาน Thai land Rice Convention 2017 (TRC 2017) รวมทั้งแนวโน้มตลาดอื่นๆ ก็เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับบริโภคข้าวอื่นๆ นอกจากข้าวขาว เช่น ข้าวสี ข้าวอินทรีย์

ส่วนปัญหาอุปสรรคของข้าวไทยในตลาดโลกนั้นในปีก่อนประสบปัญหาราคาตกต่ำแต่ปีนี้ราคาดีขึ้นอย่างมาก โดยมีปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐบาลได้ระบายข้าวเกือบหมดสต๊อกแล้วเหลือเพียง 2 ล้านตันเท่านั้น จึงมีผลทางจิตวิทยา รวมทั้งรัฐบาลจะผลักดันให้นำมีการทำผลงานการวิจัยเรื่องข้าวมาพัฒนาเพื่อผลิตในเชิงพาณิชย์ให้มากขึ้นด้วย ทั้งในส่วนของข้าวที่เป็นอาหารและไม่ใช่อาหาร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน