นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กยศ.ได้ชะลอแผนการทำมาตรการหักบัญชีเงินเดือนเพื่อชำระหนี้กับลูกหนี้กลุ่มใหม่ออกไปก่อน โดยเดิมปีนี้ กยศ.มีแผนทยอยหักเงินเดือนลูกหนี้เพิ่มอีก 4 แสนคน เริ่มตั้งแต่เดือนเม.ย. แต่ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดจนทำให้สถานประกอบการต้องหยุดกิจการชั่วคราวไปจำนวนมาก และลูกหนี้หลายรายได้รับผลกระทบ จึงต้องเลื่อนการใช้วิธีหักเงินเดือนออกไปอย่างน้อย 3 เดือน หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

“เดิมในปีนี้ กยศ. จะร่วมมือกับหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ หักบัญชีเงินเดือนลูกหนี้ กยศ. กับนายจ้างตรงเพิ่มอีก 4 แสนราย โดยเน้นไปกลุ่มลูกหนี้ที่ทำงานในธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มีลูกจ้าง 10-20 คน รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม แต่ผลกระทบจากไวรัสโควิดระบาด ทำให้นายจ้างและลูกจ้างได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และบริการ ดังนั้นจึงควรเลื่อนออกไปก่อนเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบไวรัสโควิด-19 แก่ลูกหนี้เป็นการชั่วคราว”

ส่วนกรณีลูกหนี้ที่ถูกหักบัญชีเงินเดือนใช้ชำระหนี้ไปแล้ว ซึ่งเริ่มปีที่แล้วไปประมาณ 4 แสนคน เช่น ลูกหนี้ที่ทำงานในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ ตลอดจนลูกหนี้กลุ่มทั่วไปที่ไม่ถูกหักเงินเดือนแต่มีภาระต้องผ่อนหนี้อยู่ กยศ.กำลังพิจารณาออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการลดภาระการผ่อนชำระรายเดือน หรือให้ชำระเพียงบางส่วน การลดเบี้ยปรับ และเงินเพิ่มให้แก่ลูกหนี้ ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการ กยศ.เพื่อหาข้อสรุปได้ภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้

“ขณะนี้มีลูกหนี้ กยศ. ติดต่อสอบถามเข้ามาสำนักงานฯจำนวนมาก เพื่อสอบถามและขอความช่วยเหลือในการแบ่งเบาภาระผ่อนชำระหนี้ให้ เนื่องจากลูกหนี้บางรายขาดรายได้ เพราะถูกเลิกจ้าง พักงาน หรือบางรายก็ค้าขายไม่ได้ หลังถูกภาครัฐสั่งปิดสถานประกอบการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด โดยปัจจุบันมีลูกหนี้ที่ถูกหักบัญชีไปแล้ว 4 แสนคน และลูกหนี้กลุ่มทั่วไปอีกหลายแสนคน ซึ่งเรื่องนี้กยศ.ก็รับทราบและไม่ได้ทอดทิ้ง โดยกำลังเร่งพิจารณาจัดมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน และจะออกมาช่วยในเร็วๆ นี้แน่นอน”

นายชัยณรงค์ กล่าวว่า สำหรับแผนดำเนินงานของ กยศ.ปี 2563 เดิมตั้งเป้าหมายมียอดปล่อยกู้ให้กับนักเรียน และนักศึกษา ทั้งกลุ่มผู้กู้รายเก่าและรายใหม่ประมาณ 26,000 ล้านบาท และคาดมียอดรับชำระหนี้เข้ามา 32,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ เพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิดและเศรษฐกิจค่อนข้างรุนแรง ทำให้ในปีนี้อาจทำได้ไม่ถึงเป้าหมาย โดยเฉพาะยอดรับชำระหนี้อาจมีไม่ถึง 30,000 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้พี่น้องประชาชนที่กำลังเดือดร้อนในตอนนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน