‘สนธิรัตน์’ นำทัพพประชุมออนไลน์ตั้งรับโควิด – เตรียมเปิดช่องทางขายแอลกอฮอล์ให้ประชาชนผ่านปั๊ม คาดเริ่ม 4 เม.ย.เป็นต้นไป

สนธิรัตน์เล็งขายแอลกอฮอล์ในปั๊ม – นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวในโอกาสเป็นประธานจัดประชุมออนไลน์ผู้บริหารระดับสูงเพื่อเตรียมพร้อมเดินหน้านโยบายและมาตรการด้านพลังงานต่อเนื่อง เพื่อเร่งกู้สถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า กระทรวงเตรียมเปิดช่องทางจำหน่ายแอลกอฮอล์ให้ประชาชนผ่านปั๊มน้ำมัน โดยการจำหน่ายแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70% ทางกระทรวงพลังงานจะเข้ามาร่วมผลักดันให้มีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้นผ่านสถานีบริการน้ำมัน เช่น ปตท. บางจาก เชลล์ และผู้ค้ามาตรา 7

“เพราะภายหลังจากกระทรวงพลังงานได้ปลดล็อกการนำแอลกอฮอล์ส่วนเกิน 1 ล้านลิตรเข้าสู่ตลาดแล้ว แต่เนื่องจากกลไกการกระจายสินค้ายังมีจำกัด กระทรวงพลังงานจึงเข้ามาร่วมผลักดันให้เกิดช่องทางจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นให้เร็วที่สุด คาดว่าจะทำให้ปริมาณจำหน่ายแอลกอฮอล์มีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งที่ประชุมได้รับรายงานจาก ปตท. แจ้งว่าจะเริ่มจำหน่ายแอลกอฮอล์ให้ประชาชน ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2563 เป็นต้นไป”

ส่วนมาตรการส่งเสริมน้ำมันดีเซล B10 ปัจจุบันมียอดการใช้ประมาณกว่า 12 ล้านลิตร/วัน และคาดว่าเดือนเม.ย.นี้ น่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย 20 ล้านลิตร/วันได้ แม้การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจะลดลงบางส่วนจากสถานการณ์อพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงจะมีมาตรการเพื่อตรวจสอบและป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ

นายสนธิรัตน์ กล่าวยอมรับว่า ขณะที่มาตรการส่งเสริมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ในสถานการณ์ขณะนี้อาจต้องชะลอแผนผลักดันให้ E20 เป็นน้ำมันเบนซินฐานออกไปก่อน เพราะมีความต้องการใช้เอทานอลเพื่อใช้ด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้น แต่ก็ได้ให้ทางกรมธุรกิจพลังงานได้เตรียมการไว้หากสถานการณ์กลับมาปกติจะเริ่มประกาศได้เมื่อใด

นอกจากนี้ ยังเตรียมการเพื่อเร่งมาตรการช่วยภัยแล้ง โดยเร่งรัดโครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตรที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อรองรับภัยแล้งในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมใช้ 2,265 ระบบ

สำหรับความคืบหน้าการขับเคลื่อนโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก คาดจะสามารถประกาศเชิญชวนและรับข้อเสนอได้ตามกำหนดการเดิม ภายในวันที่ 17 เม.ย. 2563 และจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในเดือนพ.ค. 2563 ซึ่งนโยบายนี้กระทรวงพลังงานจะเร่งรัดให้สามารถดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะจะมีส่วนช่วยนำรายได้จากการจำหน่ายเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ กระจายสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากได้เพิ่มขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน