กสิกร – วันที่ 8 เม.ย. นาย บัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ ธนาคารกสิกรไทยปิดเผยครั้งแรกหลังลาออกจากตำแหน่ง ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2563 ว่า การลาออกจากตำแหน่ง ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย ในครั้งนี้ว่าถือเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของชีวิตหลังทำงานธนาคารมา 40 ปี ขณะนี้อายุย่าง 68 ปีแล้ว ก็สมควรแก่เวลา และสามารถส่งต่อให้ผู้บริหารรุ่นต่อไปได้อย่างไม่กังวลใจ

ทั้งนี้การลงจากตำแหน่งช่วงที่ขณะนี้อยู่ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 โดยตนมองว่าเป็นเรื่องดีสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อฝ่ายบริหารจัดการอย่างยิ่ง เป็นการทดสอบทีมใหม่ได้เป็นอย่างดี ถ้ารับมือกับวิกฤตครั้งนี้ได้ ก็สามารถสอบผ่านไปรับงานต่อไปได้ ดังนั้นจังหวะนี้ถือว่าดีที่สุดแล้ว

พร้อมยืนยันด้วยว่าการลงจากตำแหน่งผู้นำสูงสุดของธนาคารกสิกรไทย ในครั้งนี้ ไม่ได้เพื่อต้องการไปเล่นการเมืองแต่อย่างใด แต่สำหรับฉากชีวิตใหม่หลังจากนี้ต้องการเดินหน้าแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งการแก้ปัญหาแบบเดิมๆ อย่างประกันราคา ไม่สามารถนำมาใช้ได้แล้วในปัจจุบัน เพราะที่ผ่านมาการแก้ปัญหาด้วยวิธีการดังกล่าว เกษตรกรไทยก็ยังจนเหมือนเดิม

ดังนั้นต้องหาวิธีใหม่ องค์ความรู้ใหม่ นั่นคือแนวทางที่ตนจะเดินไป แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าต้องอาศัยการทำงานร่วมกับภาครัฐ ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งก็ยอมรับว่าต้องไปทำงานกับพรรคการเมืองเพราะเป็นฝ่ายที่ได้รับอำนาจจากประชาชน ในการบริหารราชการแผ่นดินในพื้นที่ทำงานกับทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการ ซึ่งต้องทำงานร่วมกัน

ฝากถึง กสิกร

นายบัณฑูร กล่าวอีกว่า สำหรับการแต่งตั้ง 2 ผู้นำหญิงคนใหม่ของธนาคารกสิกรไทย ถือเป็นคนเก่ง และการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน โดยตนได้วางหมากไว้นานแล้ว ทำให้สามารถส่งไม้ต่อได้อย่างมั่นใจเลยว่าคนที่รับช่วงต่อไปไม่เฉพาะผู้บริหาร 2 ท่านที่เพิ่งรับตำแหน่ง แต่ทั้งคณะกรรมการทั้งทีมงานของธนาคารกสิกรไทยในทุกระดับ มีความพร้อมที่จะทำงานด้านนี้ได้ต่อไป

นายบัณฑูร ยังได้ฝากข้อคิด 4 ข้อสำหรับทีมผู้บริหารใหม่ว่า อย่ามั่ว อย่าไม่คำนวณ อย่าชุ่ย และอย่าเหยียบตีนกัน อย่ามั่ว คือ ความไม่ชัดเจน เช่น ตกลงกันอย่างแต่ไปทำอีกอย่างจะทำให้แก้ปัญหาใหญ่ไม่ได้ อย่าไม่คำนวณ คือ ทุกอย่างมีตัวเลขกำกับ การพูดลอยๆไม่มีตัวเลขกำกับ เช่น รายได้เกษตรกรต่อหัวต่อไร่ไม่ถึง ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาบุกรุกป่าไม้ได้ อย่าชุ่ย คือ ต้องมีความระมัดระวัง อย่าเหยียบตีนกัน คือ การรักษาสัมพันธภาพของทีมงาน

นายบัณฑูร กล่าวด้วยว่า จากนี้ไปดูแล้วไม่เห็นว่าจะมีคนในตระกูลล่ำซำเข้ามานั่งบริหารในธนาคารกสิกรไทย ประกอบกับตระกูลล่ำซำเองก็มีความเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นในธนาคารกสิกรไทยน้อยเต็มทีแล้ว ส่วนเป้าหมายของตนหลังจากนี้ คือทำประโยชน์ให้กับสังคมในเรื่องที่ตนมีความสนใจ ซึ่งโครงการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำน่าน เป็นหนึ่งในโครงการที่ตนมีโอกาสได้ลงมือทำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน