ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายแก่สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ทั่วประเทศ ว่า สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เห็นถึงความสําคัญของโครงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจภาคเกษตร จากวิกฤต โควิด-19 จึงเสนอ 3 โครงการ เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ส.ป.ก. ดังนี้คือ 1. โครงการเพิ่มพื้นที่ชลประทานในเขตปฏิรูปที่ดิน 2. โครงการขุดบ่อบาดาลโซล่าเซลล์ในเขต ปฏิรูปที่ดิน และ 3. โครงการฝายชะลอน้ำสําหรับการเพิ่มประสิทธิภาพของแหล่งน้ำในเขตปฏิรูปที่ดิน
ดังนั้นก่อนที่จะดำเนินโครงการ ส.ป.ก. ต้องรีบมีการตรวจสอบการถือครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อนําที่ดินมาจัดสรร ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และต้องการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ต้องส่งเสริมการตลาดนําการผลิต และการเชื่อมโยงตลาดให้กับเกษตรกร เพื่อสร้างรายได้ให้พี่น้องเกษตรกรให้มีอาชีพ โดยการลดภาระหนี้สินและการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
รายงานข่าวจาก ส.ป.ก. เปิดเผยว่า จากการทำแผนเพื่อเสนอของบประมาณ จากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ของกระทรวงการคลัง ล่าสุด ส.ป.ก. เสนอของบประมาณการป้องกันและแก้ปัญหาผลกระทบจากภัยแล้ง และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภาคการเกษตรจากวิกฤตโควิด-19 วงเงิน 2,446.62 ล้านบาท แบ่งเป็นงบภัยแล้ง 240.6 ล้านบาท และงบฝ่าวิกฤตโควิด-19 วงเงิน 2,205.95 ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดของโครงการ มีดังนี้คือ โครงการส่งเสริมการผลิตพืชผักสวนครัวและพืชสมุนไพรในเขตปฏิรูปที่ดินตามแนวทางเศรษฐกจิพอเพียง โดยการส่งเสริมการปลูกผักสวนครัว พืชสมุนไพร โดยสนับสนุนปัจจัยการผลิต พันธุ์พืชพันธุ์ผัก 1,100,000 ครัวเรือน วงเงิน 2,205.95 ล้านบาท
โครงการเพิ่มพื้นที่ชลประทานในเขตปฏิรูปที่ดิน โดยการ ก่อสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็ก ระบบส่งน้ำ กระจายน้ำ ขุดสระน้ำ เพื่อเพิ่มแหล่งน้ำทำการเกษตร และรองรับ สถานกาณ์ภัยแล้งจำนวน 100 แห่ง 108.72 ล้านบาท , โครงการขุดบ่อบาดาลโซล่าเซลในเขตปฎิรูปที่ดิน โดยการ ขุดบ่อบาดาล เพื่อเพิ่มแหล่งน้ำทำการเกษตร และรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง 80 แห่ง 122.76 ส.ป.ก. และ โครงการฝายชะลอน้ำ สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพของแหล่งน้ำ ในเขตปฏิรูปที่ดิน โดยการสร้างฝายโดยการให้ชุนชนมีส่วนร่วมจำนวน 200 แห่ง 9.1783 ล้านบาท