เปิดผลสำรวจดัชนีที่อยู่อาศัยใหม่ พบห้องชุดหรือคอนโดมิเนียม ขยายตัวเพียง 2.7%ต่ำสุดในรอบ 8 ปี ชี้โควิด กระทบหนัก จับตากลยุทธ์ทุ่มลดราคา ดึงลูกค้า
วันที่ 17 เม.ย. นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่ารายงานดัชนีราคาที่อยู่อาศัยใหม่ ที่อยู่ระหว่างการขาย ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2563 ซึ่งจัดทำโดยศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ พบว่า ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ขณะที่ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ หรือคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขาย พบว่าเพิ่มขึ้นเพียง 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มจัดทำดัชนี แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า พบว่าลดลง 0.3% เป็นไตรมาสแรก
โดยคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบเชิงลบมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ที่มีประกาศใช้มาตรการคุมเข้มสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ แอลทีวี เรื่อยมาถึงภาวะสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกา และล่าสุดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีผลกระทบรุนแรง และฉุดกำลังซื้อในตลาดคอนโดมิเนียมให้ลดลงอย่างรวดเร็วในไตรมาสนี้ อีกทั้งกำลังซื้อคนไทยและคนต่างด้าว โดยเฉพาะชาวจีนซึ่งเป็นกลุ่มคนต่างด้าวที่เป็นผู้ซื้อหลักของตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล
จึงทำให้ในไตรมาสนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 41.8% ใช้กลยุทธ์ลดราคาห้องที่เหลือขาย และห้องที่นำกลับมาขายใหม่ (คอนโดหลุดดาวน์) โดยลดราคาขายลงตั้งแต่ 10– 36.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่งผลให้ดัชนีราคาห้องชุดที่อยู่ระหว่างการขายในไตรมาสนี้ ลดลงเป็นไตรมาสแรกนับตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่ริเริ่มจัดทำดัชนีราคาคอนโดมิเนียม