โควิด-19 เขย่างบลงทุนเอสซีจีหด 1 หมื่นล้าน ชี้หากสถานการณ์ด่ำดิ่งจ่อหั่นงบออกอีก – ชี้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยชัดเจน

โควิด-19 เขย่างบลงทุน – นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การเงินและการลงทุน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยชัดเจน เอสซีจี ปรับลดงบลงทุนปี 2563 ลงประมาณ 10,000 ล้านบาท อยู่ที่ 55,000-65,000 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 60,000-70,000 ล้านบาท ซึ่งหากการแพร่ระบาดของโรคแย่ลงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็มีโอกาสที่จะพิจารณาปรับลดแผนการลงทุนลงได้อีกตามความเหมาะสม เพราะยังไม่รู้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคจะลงลึกมากแค่ไหนสร้างความผันผวนไปทั่วโลก จึงต้องมีความระมัดระวังในการลงทุนให้มากขึ้น

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า ยอมรับบริษัทเตรียมปรับประมาณการยอดขายปี 2563 ทั้งปีลดลงแน่นอน เนื่องจากความต้องการของตลาดที่ลดลงเป็นหลักส่งผลให้ปริมาณการผลิตลดลงตามไปด้วย ประกอบกับราคาขายของสินค้าที่ลดลง ซึ่งทางเอสซีจีมีความพยายามอย่างเต็มที่ในการปรับรูปแบบการบริหารจัดการเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน โดยยืนยันยังไม่มีแผนลดกำลังการผลิตและยังไม่มีแผนปรับลดการจ้างงานลงแต่อย่างใด

“ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความรุนแรงที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ รู้แต่ว่านาน แต่ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน เพราะยังไม่มีวัคซีนรักษา จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่าหากสถานการณ์แย่นานไปกว่านี้จะส่งผลกระทบต่อยอดขายให้ลดลงเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าลึกและนานเท่าไหร่ รู้แต่ว่าช่วงเดือนมี.ค.เพียง 1 เดือนที่โควิดส่งผลกระทบมาก ทำให้รายได้ของเอสซีจีลดลงไปแล้ว 6% แม้ช่วงนี้บางตลาดจะเริ่มกลับมาเปิดดำเนินงานได้บ้าง แต่ไม่รู้ว่าจำนวนผู้ป่วยจะเป็นอย่างไร เพราะกังวัลว่าการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคบางส่วนจะทำให้เกิดการระบาดกลับมาอีกระลอกหรือไม่ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด”

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 บริษัทมีกำไรสำหรับงวด 6,971 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 40% และลดลงจากไตรมาสก่อน 2% ตามผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ เนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าลดลง และมีรายได้จากการขาย 105,741 ล้านบาท ลดลง 6% เนื่องจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง ตามความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่ลดลง แต่ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน

โดยไตรมาส 1/2563 เอสซีจีมียอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม 46,120 ล้านบาท คิดเป็น 44% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1% โดยใช้งบลงทุนด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกว่า 1,372 ล้านบาท คิดเป็น 1.3% ของยอดขายรวม และมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทยทั้งสิ้น 44,859 ล้านบาท คิดเป็น 42% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 3% ทำให้บริษัทมีรายได้จากภาพรวมการส่งออก 24,319 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของยอดขายรวม ลดลง 9%

ทั้งนี้ แยกเป็นผลการดำเนินงานของธุรกิจเคมิคอลส์ มีรายได้ 38,329 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17% เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์และปริมาณขายที่ปรับตัวลดลง มีกำไร 1,778 ล้านบาท ลดลง 70% จากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้ 46,245 ล้านบาท ลดลง 4% ตามความต้องการในประเทศที่ลดลง มีกำไร 2,778 ล้านบาท ลดลง 2% ธุรกิจแพ็กเกจจิ้งมีรายได้ 24,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% สาเหตุหลักจากการรวมผลประกอบการ Fajar และ Visy ประเทศไทย รวมถึงการทำงานเชิงรุกในทุกหน่วยงานภายในเพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น มีกำไร 1,732 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน