ทุกห้างพร้อมรับมือ‘โควิด’

จะให้เปิดเมื่อไหร่…ถามใจดู

รายงานพิเศษ

ทุกห้างพร้อมรับมือ‘โควิด’ จะให้เปิดเมื่อไหร่…ถามใจดู : เศรษฐกิจ – หลังมีข่าวลือสะพัดว่ารัฐบาลและ กทม.จะไฟเขียวให้กิจการ บางอย่างเปิดบริการได้ หนึ่งในนั้นคือห้างสรรพสินค้า เพราะปิดมานานกว่า 1 เดือนแล้ว สร้างความเดือดร้อนให้คนจำนวนมหาศาลที่ต้องทำงาน หรือค้าขายภายในนั้น

อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดรัฐออกมาเบรก ยืนยันว่ายังไม่ตัดสินใจ

ทำให้มีหลายฝ่ายเริ่มออกมาแสดงความเห็นว่า น่าจะพิจารณา เปิดห้างสรรพสินค้าได้เพิ่มอีกบางส่วน หลังจากรัฐบาลอนุโลมให้เปิดซูเปอร์มาร์เก็ต และธนาคาร รวมถึงร้านมือถือ เพราะการปิดนานๆ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ

จากข้อมูลพบว่าภาคธุรกิจค้าปลีกค้าส่งเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญต่อเศรษฐกิจทั้งประเทศ สร้างรายได้คิดเป็น 16% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ประเทศไทย หรือประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท

จ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมกว่า 6.2 ล้านคน รวมถึง ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กอีกกว่า 450,000 ราย

นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และ ผู้บริหารสายงานดิจิทัล แบงกิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ห้างสรรพสินค้าถือเป็นศูนย์รวมของร้านค้า ร้านอาหารและโรงภาพยนตร์ ซึ่งเป็นกลุ่มของการจับจ่ายใช้สอย

ฐากร ปิยะพันธ์

เมื่อปิดห้างในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ยอดการใช้จ่ายโดยเฉพาะธุรกิจบัตรเครดิตหายไปถึง 90% แม้จะปรับเปลี่ยนไปซื้อของผ่านออนไลน์ได้บ้าง แต่ยอดการจับจ่ายแค่เพียง 20-30% ดังนั้น หากรัฐบาลยังยืดระยะเวลาการเปิดห้างออกไปอีก 1 เดือน ความหนักหน่วงจะไปตกอยู่ที่ผู้ประกอบการ

“ปัญหาที่ตามมาทั้งสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากไม่มี ยอดขาย และยังต้องดูแลพนักงาน รวมถึงค่าเช่าและค่าใช้จ่ายอื่นๆ อย่างไรก็ดีเชื่อว่าขณะนี้ทางผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า และรัฐบาล อยู่ระหว่างการพูดคุย ซึ่งคงต้องรอดูความชัดเจนอีกระยะหนึ่ง”

ส่วนตัวมองว่าสถานการณ์ขณะนี้ถ้าดูจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของไทย พอจะควบคุมกันได้แล้ว และสมเหตุสมผลพอที่จะทำให้รัฐบาลผ่อนปรนให้เปิดห้างได้

“ต่อให้ห้างกลับมาเปิดให้บริการในขณะนี้ ยังไม่มั่นใจว่าจะมีคนกล้าเดินเล่นเหมือนเดิมหรือไม่ และเชื่อว่าคนที่จะไปเดินต้องมีวัตถุประสงค์ที่จะไปเดินซื้อของเสร็จแล้วก็รีบกลับ เพราะคนยังกล้าๆ กลัวๆ ว่าถ้าไปเจอคนเยอะๆ” นายฐากรกล่าว

ส่วน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แสดงความไม่เห็นด้วยหากรัฐบาล จะอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดให้บริการพร้อมกันทั้งหมดทั่วประเทศในช่วงนี้

สุพันธุ์ มงคลสุธี

เบื้องต้นรัฐบาลอาจอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้าในพื้นที่จังหวัด สีขาวและสีเขียว เปิดดำเนินการได้ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ที่ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ส่วนพื้นที่สีส้มและสีแดงอาจให้ ผู้ที่กำลังรักษาหายป่วย และ/หรือผู้ป่วยใหม่ไม่เพิ่มขึ้น จนกลายเป็นพื้นที่สีเขียวหรือสีขาวก่อน

“ที่สำคัญหากจะกลับมาเปิดห้างสรรพสินค้าได้ทางห้างต้องมีความพร้อมในการมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคอย่างเข้มข้น เช่น การคุมคนเข้า-ออก คุมจำนวนคน เพราะแต่ละจังหวัดและแต่ละพื้นที่มีการระบาดในระดับมากน้อยต่างกัน ดังนั้น หากรัฐอนุญาตให้เปิดห้างได้พร้อมกันทั้งหมดทุกพื้นที่ก็อาจสุ่มเสี่ยงที่โรคจะกลับมาระบาดหนักขึ้นได้”

สําหรับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าประเมินว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะกลับมาเปิดได้ในวันที่ 1 มิ.ย. แต่ทั้งนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้หากสถานการณ์ต่างๆ เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

และแม้จะกลับมาเปิดได้แต่อาจจะยังไม่เต็มที่นัก เพราะอยู่ในช่วงอาฟเตอร์ช็อก คาดว่าจะเข้าที่เข้าทางมากขึ้นตั้งแต่ขึ้นไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป

พร้อมกันนี้ทางห้างและศูนย์การค้าเตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง

นายคมสัน ขวัญใจธัญญา รักษาการประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า จากที่สมาคมได้เสนอไปก่อนหน้านี้ ภาคค้าปลีกค้าส่งจะร่วมมือกับภาครัฐรณรงค์ให้ศูนย์การค้า ร้านค้าปลีกทั่วประเทศ ดำเนินการทำ ‘Big Cleaning’ พ่นสเปรย์ด้วยยา ฆ่าเชื้อโรคในสถานประกอบการครั้งใหญ่โดยพร้อมเพรียงกัน โดยจะมีกระทรวงสาธารณสุขรับรองมาตรฐาน

คมสัน ขวัญใจธัญญา

ขณะเดียวกันภาครัฐต้องสนับสนุนให้ศูนย์การค้า ร้านค้าปลีก ติดตั้งเครื่องอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบการคัดกรอง การแจ้งเตือน และเฝ้าระวังผู้มีโอกาสติดเชื้อ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการแล้ว อาทิ กล้องอินฟราเรดจับอุณหภูมิ เครื่องวัดอุณหภูมิสแกน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

น.ส.วัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจเริ่มจัดทำแผนแม่บท “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” ยกระดับมาตรการความสะอาดและความปลอดภัยในเชิงรุกไว้ล่วงหน้า ที่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริงกับศูนย์การค้า ร้านค้า และพนักงานทุกคน

วัลยา จิราธิวัฒน์

แผนแม่บทจะครอบคลุมในเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยใน 5 แกนหลัก กว่า 75 มาตรการ ได้แก่ 1.การคัดกรองอย่างเข้มงวด 2.มาตรฐาน Social Distancing ทุกจุด 3.การติดตามเพื่อความปลอดภัย 4.การใส่ใจในความสะอาดทุกจุดสัมผัส และ 5.แนวทางลดการสัมผัสขอความร่วมมือจากพันธมิตรร้านค้าทุกร้านค้าในศูนย์การค้าให้ร่วมกันดำเนินตามแผนแม่บท

“เซ็นทรัลให้ความร่วมมือกับภาครัฐเต็มที่ และ ต่อเนื่องในการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ รณรงค์ การทำ Social Distancing เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก รวมทั้งสนับสนุนให้อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ แต่หากต้องมาใช้บริการที่จำเป็น เราดำเนินมาตรการความสะอาดและความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจ การเปิดให้บริการศูนย์การค้าของเซ็นทรัลจะขึ้นอยู่กับคำสั่งของภาครัฐเท่านั้น”

ด้านนายอนันต์ ตันติปัญญาคุณ รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ สายปฏิบัติการ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรบินสันมี 8 มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

อนันต์ ตันติปัญญาคุณ

อาทิ เพิ่มจุดติดตั้งเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อล้างมือมากขึ้น, เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการสัมผัสบ่อย ทุก 2 ชั่วโมง 3.ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อในลิฟต์โดยสาร และห้องลองเสื้อผ้าทุก 2 ชั่วโมง เป็นต้น

พร้อมกันนี้มีแผนที่จะยกระดับมาตรการเพิ่มขึ้นตามที่ภาครัฐขอความร่วมมืออย่างเต็มที่ หากสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ ซึ่งรอสรุปอีกครั้ง ส่วนตอนนี้เน้นทำตลาดออนไลน์

“นอกจากพนักงานที่จะออกมาแนะนำสินค้าและโปรโมชั่นที่ทุ่มแรงกว่าปกติ จะระดมทีมพนักงานในส่วนอื่นๆ มาทำในฝ่ายที่แตกต่าง ทั้งฝ่ายที่ต้องตอบคำถามลูกค้า ฝ่ายเดินไปหยิบสินค้า ฝ่ายแพ็กสินค้า โดยเป็นพนักงานจากทั้งส่วนกลางและสาขา

พบว่าลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าใน Robinson Online ช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมามียอดการช็อป และจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ ผ่านมา

นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคม ผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ กล่าวว่า ก่อนกลับมาดำเนินกิจการ ทางสมาคมวางแผนแม่บท 6 ข้อ 47 มาตรการ ดูแลทั้งย่าน

ชาย ศรีวิกรม์

ครอบคลุม 4 โซนสำคัญ คือ พื้นที่สาธารณะ ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และศูนย์อาหาร ภายใต้นโยบาย “ย่านราชประสงค์ปลอดภัย มั่นใจไร้ COVID-19”

ทดลองใช้ภายในย่านราชประสงค์อย่างเข้มข้น เพื่อศึกษาวิธีการจัดสรรพื้นที่เปิด ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะและเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้มีความสะอาดปลอดภัย โดยสามารถติดตามตัวผู้มีความเสี่ยง หรือผู้ติดเชื้อย้อนหลังได้โดยใช้ระบบกล้อง CCTV

ตรวจสอบข้อมูลสุขภาพ และการเดินทางของพนักงานย้อนหลัง 14 วัน ซึ่งมีความพร้อมที่สามารถทำได้ ทั้งนี้หากย่านราชประสงค์ทำได้สำเร็จ จะสามารถนำไปเป็นต้นแบบให้แก่ภาครัฐและเอกชนในการนำมาตรการไปใช้จัดการพื้นที่สาธารณะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในประเทศ และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะกลับเข้ามาเที่ยวเมืองไท

“เรามีความเชื่อมั่นว่าหากภาครัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ในระยะเวลาอันใกล้ผ่านการร่วมแรงร่วมใจของคนไทยทุกคนแล้ว มาตรการผ่อนปรนและการกลับมาเปิดกิจการของ ผู้ประกอบการธุรกิจร้านค้า ร้านอาหารก็จะทยอยกลับมา ซึ่งผู้ประกอบการทุกคนมี หน้าที่ดำเนินการตามมาตรการการรักษาความสะอาดปลอดภัยที่ภาครัฐกำหนดอย่างแข็งขัน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน