นายครรชิต สุขเสถียร รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO ส่งเสริมให้ประชาชนหันมาบริโภคจิ้งหรีด เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกใหม่ที่มีราคาถูก โดยปัจจุบันพบว่า จิ้งหรีดถูกนำไปค้าขายในรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบสด แช่แข็ง แปรรูปโดยทอด คั่ว หรือบรรจุกระป๋อง รวมถึงทำเป็นผงบด เพื่อเป็นส่วนผสมในการทำเบเกอรี่ และแปรรูปเป็นแป้งจำพวกเส้นพาสต้า โปรตีนบาร์ ผงแป้ง ขนมขบเคี้ยว และ proten shakes

ซึ่งกลุ่มประเทศ สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา เอเชียตะวันออก ละตินอเมริกา แอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ความสนใจต่อการบริโภคเป็นอย่างมาก จากข้อมูลผลการศึกษาคาดการณ์ว่าตลาดแมลงรับประทานได้ทั่วโลกจะมีอัตราการเติบโตระหว่างปี 2018-2023 คิดแบบ Compound Annual Growth Rate (CAGR) ที่ 23.8% และคาดว่าในปี 2566 ตลาดจะมีขนาด 37,900 ล้านบาท มกอช. จึงเร่งส่งเสริม ผลักดันการเปิดและขยายตลาด การส่งออกสินค้าแมลงจิ้งหรีดและผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งเป้าการเปิดตลาดไปยังสหภาพยุโรป (อียู) และประเทศเม็กซิโก ซึ่งเป็นตลาดใหม่

ขณะเดียวกัน มกอช. ได้ประกาศมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) สำหรับฟาร์มจิ้งหรีด (มกษ.8202-2560) เป็นมาตรฐานทั่วไป เพื่อยกระดับมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด ส่งเสริมให้เกษตรกรไทยหันมาเลี้ยงจิ้งหรีด ทั้งสายพันธุ์ทองดำ ทองแดง และสะดิ้ง ซึ่งมีกำลังการผลิตจิ้งหรีดรวมมากกว่า 7,000 ตันต่อปี และสามารถป้อนตลาดภายในและต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรในช่วงหลังการทำนาหรือในช่วงฤดูแล้ง

โดยจิ้งหรีดเป็นแมลงที่เลี้ยงง่าย ใช้พื้นที่และน้ำน้อย ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีและต้นทุนในการเลี้ยงไม่สูง จึงเหมาะสมกับพื้นที่แห้งแล้งหรือพื้นที่ชนบท ที่ผ่านมา มกอช. ได้ส่งเสริมความรู้ทางเทคนิคให้แก่เกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่จิ้งหรีดที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีความพร้อมในการยื่นขอการรับรองมาตรฐานฟาร์มจิ้งหรีดจากกรมปศุสัตว์ได้ โดย มกอช. มีแผนดำเนินการในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี สุโขทัย พิษณุโลก บุรีรัมย์ และขอนแก่น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน