นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (รับเบอร์ซิตี้) จ.สงขลา เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยางครบวงจร ว่า ล่าสุดการก่อสร้างมีความคืบหน้าแล้วกว่า 55% คาดจะสามารถพร้อมให้ผู้ประกอบการเข้าใช้พื้นที่ได้ทั้งหมดประมาณปลายปี 2560 ถือว่าเร็วกว่ากำหนดการเดิมที่ กนอ. คาดจะแล้วเสร็จภายในช่วงเดือนเม.ย. 2561

“พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมยางพารา จะพร้อมให้นักลงทุนเข้าประกอบกิจการได้อย่างสมบูรณ์ประมาณปลายปี 2560 ปัจจุบันนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศยังคงสนใจสอบถามข้อมูลด้านการลงทุนและความคืบหน้าการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง โดย กนอ. คาดว่าเมื่อมีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นการใช้ยางพาราในพื้นที่ก็จะเพิ่มปริมาณขึ้นด้วย เชื่อว่าสถานการณ์ราคายางพาราของไทยหลังจากนี้จะมีทิศทางที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น”นายวีรพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ กนอ. ตั้งเป้าหมายในช่วงระยะเวลา 5 ปี (ปี 2560-2564) จะมีโรงงานเข้าลงทุนในพื้นที่ทั้งหมด ประมาณ 70 โรงงาน มูลค่าการลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท เกิดความต้องการใช้ยางพาราในภาคอุตสาหกรรมขั้นกลางน้ำและปลายน้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 200,000 ตันต่อปี และเมื่อนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางพาราแล้ว จะสามารถเพิ่มมูลค่าประมาณ 6,000-10,000 ล้านบาทต่อปี เกิดการจ้างงาน ประมาณ 7,000 คน หรือ 350 ล้านบาทต่อปี และจะช่วยสนับสนุนให้ราคายางพารามีเสถียรภาพและก่อให้เกิดรายได้แก่กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางในระยะยาวได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ กนอ. ยังจัดสรรพื้นที่บางส่วนในนิคมอุตสาหกรรมยางพาราก่อสร้างโรงงานมาตรฐานสำหรับผู้ประกอบในอุตสาหกรรมยางขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) บนพื้นที่ 25 ไร่ จำนวน 21 หลัง โดยที่ผ่านมา กนอ. เปิดให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าใช้พื้นที่ประกอบกิจการเป็นที่เรียบร้อย จำนวน 10 หลัง รวมพื้นที่ทั้งสิ้น 5,000 ตารางเมตร ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 11 หลัง กนอ. คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติมเร็วๆ นี้ เนื่องจากยังมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ให้ความสนใจสอบถามเข้าต่อเนื่อง เพื่อสานต่อนโยบายสานพลังประชารัฐของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม กนอ. พัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมยางพารา โดยมีเป้าหมายให้สามารถรองรับอุตสาหกรรมยางแบบครบวงจรตั้งแต่ขั้นกลางน้ำและปลายน้ำ เช่น อุตสาหกรรมนวัตกรรมยาง อุตสาหกรรมจากน้ำยางข้น อุตสาหกรรมยางคอมปาวด์และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ประกอบด้วย พื้นที่พาณิชยกรรม 6 แปลง ประมาณ 29 ไร่ อุตสาหกรรมทั่วไป 8 แปลง ประมาณ 33 ไร่ อุตสาหกรรมยางขั้นกลาง 22 แปลง ประมาณ 125 ไร่ อุตสาหกรรมยางขั้นปลาย 55 แปลง ประมาณ 375 ไร่ อุตสาหกรรมสะอาด 12 แปลง ประมาณ 64 ไร่ เชื่อว่าจะตอบสนองความต้องการนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน