กรมสรรพากรคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและเงินได้นิติบุคคลแล้ว 6 หมื่นล้าน – ชี้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 1 แสนล้าน

สรรพากรคืนภาษีแล้ว6หมื่นล. – นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมได้พัฒนาระบบการจัดเก็บและการชำระภาษีด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลให้มีความทันสมัยมากขึ้น เห็นได้จากปริมาณการยื่นแบบชำระภาษีผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กรมสรรพากรใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามามีส่วนช่วยในการคืนภาษีให้กับบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ผ่านนโยบายต่างๆ

โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้ ได้คืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและเงินได้นิติบุคคลแล้วกว่า 60,000 ล้านบาท และหากรวมทุกมาตรการในการให้ความช่วยเหลือด้านภาษี กรมสามารถทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 100,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในข้อเสนอของผู้ประกอบการที่ได้รับบผลกระทบจากโควิด-19 เช่น ธุรกิจร้านรับแลกเงิน ที่ขอให้กรมสรรพากรยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้ เพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าวนั้น มองว่าในทางปฏิบัติทำได้ยาก เนื่องจากการจะปรับลดหรือยกเว้นภาษีให้ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง อาจทำให้เกิดความลักลั่นได้ ซึ่งเป็นเรื่องของความเป็นธรรมในการเสียภาษี แต่จะต้องรอดูนโยบายจากทางกระทรวงการคลังก่อนว่าต้องการให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการใดๆ เพิ่มเติมหรือไม่

“เป็นเรื่องยากที่จะยกเว้นให้บางธุรกิจ เพราะจะมีคำถามว่าทำไมถึงได้แค่ธุรกิจนี้ ซึ่งเรื่องภาษีต้องดูในภาพรวม แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายด้วยว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งคาดว่าเรื่องตอนนี้น่าจะส่งผลสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก็ต้องรอให้ทางสศค. พิจารณาก่อน”นายเอกนิติ กล่าว

ส่วนการพัฒนาการจัดเก็บภาษีด้วยดิจิทัลนั้น นายเอกนิติ เชื่อว่าจะทำให้มีประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีมากขึ้น เพราะจะสามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย และตรงกลุ่มที่ต้องการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอนาคต ซึ่งปัจจุบันกรมสรรพากรได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีการจัดเก็บภาษีภายใต้ยุทธศาสตร์ 9 Digital Transformation อาทิ การยื่นแบบและชำระภาษีผ่านระบบออนไลน์ My Tax Account ที่เชื่อมโยงระบบประกันสุขภาพ E-Donation , Aree Chatbot และ Tax Refund on promptpay เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน