หอการค้าไทยหนุน ‘สมชัย’ นั่งเก้าอี้รมว.คลัง มั่นใจมีความรู้ – ชี้กังวลม็อบ 19 ก.ย.ยืดเยื้อ กระทบเศรษฐกิจอาจจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน หรือ เลิกจ้างในอนาคต ซึ่งประเมินว่าจะมีมากถึง 4-5 ล้านคน

เอกชนหนุน‘สมชัย’นั่งคลัง – นายภูมินทร์ หะรินสุต รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า รัฐบาลควรเร่งแต่งตั้งบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรมว.คลัง แทนนายปรีดี ดาวฉาย ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้เพื่อขับเคลื่อนมาตรการที่สำคัญเพื่อให้เกิดการกระจายเม็ดเงินลงสู่ระบบผ่านมาตรการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

“ถ้าไม่มี รมว.คลัง ก็จะเหนื่อย การสนับสนุนเงินหรือแคมเปญเก่าก็จะไม่มีช่วยดึง ดังนั้นต้องรีบมีรมว.คลัง และทำอย่างไรก็ได้ให้คนมีเงินออกมาใช้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ” ภูมินทร์ กล่าว

ส่วนที่มีการปรากฏรายชื่อของบุคคลที่มีโอกาสเข้ามาดำรงตำแหน่งรมว.คลัง เช่น นายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง, นายชาติชาย พยุหนาวีชัย อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ส่วนตัวไม่ได้ติดขัดแต่อย่างใด ซึ่งจะเป็นใครก็ได้ เพียงแต่ต้องการบุคคลที่มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะเข้ามารับตำแหน่ง เนื่องจากการทำงานด้านการคลังเป็นเรื่องที่ยาก และต้องมีการประสานงานจากต่างประเทศด้วย

“บางคนที่อยากเข้ามาเป็นรมว.คลัง แต่ไม่รู้เรื่องการกู้เงินเลย ก็เป็นเรื่องยากที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ได้”

ทั้งนี้ หอการค้าไทยได้สนับสนุนให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ เช่น มาตรการ Cash Card หรือ การซื้อคูปองท่องเที่ยว ร้านอาหาร ช็อปปิ้ง เพื่อให้เกิดการบริโภคภายในประเทศ

ส่วนในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ที่จะมีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนักศึกษา ส่วนตัวยังมีความกังวลต่อกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น ทั้งในเรื่องของการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ หากการชุมนุมยืดเยื้ออาจจะส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และอาจจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน หรือ เลิกจ้างในอนาคต ซึ่งประเมินว่าจะมีมากถึง 4-5 ล้านคน ซึ่งรวมคนที่ไม่ตกงานแต่ไม่มีงานทำ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย. 2563 ภาคสังคม ธุรกิจ รวมถึงต่างชาติ ให้ความสนใจอย่างมาก เพราะน่าจะเป็นการชุมนุมใหญ่ ซึ่งส่วนตัวมีความกังวลว่าอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นการขยายวงกว้าง และการชุมนุมที่ยืดเยื้อ เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นเพียงแฟลตม็อบที่จบภายในวันเดียวเท่านั้น

ประเมินว่าหากการชุมนุมยืดเยื้อ จะเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งทำให้ชะลอการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน กระทบต่อเศรษฐกิจที่อาจจะฟื้นตัวช้าจากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวในไตรมาสที่ 1/2564 ไปเป็นไตรมาสที่ 2/2564 รวมถึงจะกระทบต่อการลงทุนในอนาคตด้วย

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวประเมินว่ายังไม่เห็นสัญญาณของการยืดเยื้อ ดังนั้นจะมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเพียงระยะสั้น หรือมีผลกระทบต่อระบบเศรฐกิจในระดับน้อยถึงปานกลางเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน