นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ล่าสุด กนอ. ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินกับบริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบกิจการผลิตชุดสายไฟในยานยนต์ (wiring harness) พื้นที่ราว 23 ไร่ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.สระแก้ว เพื่อใช้พื้นที่ประกอบกิจการเป็นโรงงานเก็บชุดสายไฟในยานยนต์ คาดเริ่มก่อสร้างและเปิดโรงงานได้ในปี 2561 ทั้งยังอยู่ระหว่างการเจราจาประมาณ 3 ราย รวมพื้นที่ประมาณ 45-50ไร่ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้งขนาดใหญ่และเอสเอ็มอี เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือน
จากก่อนหน้านี้บมจ.ประกอบกิจการผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ก็ลงนามเช่าที่ดินในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.สระแก้ว
สอดคล้องกับแผนพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.สระแก้ว พื้นที่ 660 ไร่ ตั้งอยู่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ เป็นจุดเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนจากระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) และประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะกัมพูชา เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนส่งผลให้มีผู้ประกอบการทั้งขนาดใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) สอบถามเพื่อที่จะตัดสินใจเข้ามาเช่าที่ดินต่อเนื่อง
ทั้งนี้ พบว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในนิคมฯสระแก้วมากขึ้น เนื่องจาก กนอ. กำหนดแผนงานการตลาดโดยออกมาตรการส่งเสริมการเช่าที่ดินในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของพื้นที่เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล
โดยในระยะแรกจนถึงเดือนก.ย. 2560 กำหนด มาตรการส่งเสริมการเช่าที่ดินรูปแบบเหมา (Whole Rental) เร่งรัดระยะ 2 (Early Bird 2) สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเช่าที่ดินมากกว่า 20 ไร่ จะได้รับสิทธิยกเว้นค่าเช่าที่ดินในปีแรกและในปีที่ 2 ได้รับส่วนลดค่าเช่า 50% และได้รับส่วนลด 30% ของค่าเช่าในปีที่ 3 และได้รับยกเว้นค่าบริการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกในปีแรก
สำหรับมาตรการส่งเสริมการเช่าที่ดินรูปแบบปลีกที่เป็นมาตรการส่งเสริมปกติ เพื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ต้องการใช้พื้นที่ประกอบกิจการน้อยกว่า 20 ไร่ ผู้เช่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ ยกเว้นค่าเช่าที่ดินในปีแรก และได้รับยกเว้นค่าบริการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกในปีแรก สามารถรับสิทธิได้ตั้งแต่เดือนก.ค.-ธ.ค 2560
อย่างไรก็ตาม การออกมาตรการเช่าที่ดินในนิคมฯ สระแก้วครึ่งปีหลังของปีนี้เป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นการส่งเสริมเอสเอ็มอีให้เกิดความเข้มแข็งเพื่อที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก หรือโลคอลอีโคโนมิ (Local Economy)
