นายปวเรศวร์ อินทุเศรษฐ นักวิชาการผลิตภัณฑ์อาหารชำนาญการพิเศษ กองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง นักวิจัยผู้ศึกษาวิจัยเรื่อง การสกัดคอลลาเจนที่ละลายในกรดจากหนังปลานิล กล่าวว่า ปัจจุบันเศษเหลือทิ้งจากการแปรรูปสัตว์น้ำส่วนใหญ่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และการทำปุ๋ย ซึ่งนับว่ามีมูลค่าค่อนข้างต่ำ

จึงมีแนวคิดที่จะนำเศษเหลือทิ้งจากปลานิลมาศึกษาวิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น ด้วยการสกัดเป็นคอลลาเจนเพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เครื่องหนัง ยารักษาโรค วัสดุทางการแพทย์ เครื่องสำอาง อาหาร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นต้น ที่ผ่านมามีการศึกษาการสกัดคอลลาเจนจากหนังและก้างปลาซึ่งส่วนใหญ่เป็นปลาทะเล มีการศึกษาสกัดคอลลาเจนจากหนังปลาน้ำจืดน้อยมาก จึงนับเป็นความท้าทายของงานวิจัยชิ้นนี้ ซึ่งอาจใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการใช้ประโยชน์เศษเหลือทิ้งจากสัตว์น้ำจืดชนิดอื่นๆ ได้ต่อไปในอนาคต

สำหรับขั้นตอนการศึกษาสกัดคอลลาเจนจากหนังปลานิลนั้น เริ่มต้นจากการนำหนังปลามากำจัดโปรตีนที่ไม่ใช่คอลลาเจนออกโดยการแช่ในสารละลายด่าง จากนั้นกำจัดไขมันในหนังปลาออกโดยใช้ตัวทำละลายอินทรีย์ แล้วจึงทำการสกัดคอลลาเจนโดยใช้กรดอะซิติก จากนั้นกรองเอาส่วนของเหลวมาตกตะกอนคอลลาเจนโดยการเติมเกลือ แล้วแยกตะกอนโดยใช้เครื่องหมุนเหวี่ยง และนำตะกอนคอลลาเจนที่ได้ไปทำให้บริสุทธิ์โดยการทำไดอะไลซิส แล้วจึงทำให้แห้งจะได้เป็นคอลลาเจนบริสุทธิ์ที่มีคุณภาพสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย

โดยมีคุณสมบัติเทียบเท่าคอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเลและสัตว์บกทั่วไป ซึ่งหนังปลานิลจำนวน 100 กรัม จะสามารถผลิตคอลลาเจนได้ปริมาณถึง 30 กรัม ทั้งนี้ งานวิจัยดังกล่าวยังมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อต่อยอดทางความคิดอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ได้นำเอาเศษเหลือทิ้งส่วนอื่นๆ ของปลา เช่น เกล็ด มาสกัดเป็นคอลลาเจนได้อีกด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าและลดเศษเหลือทิ้งจากการแปรรูปสัตว์น้ำให้เหลือน้อยที่สุด

นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ปลานิลเป็นปลาน้ำจืดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ในปี 2559 มีปริมาณผลผลิตปลานิลจากการเพาะเลี้ยงถึง 176,463 ตัน มีการส่งออกปลานิลและผลิตภัณฑ์กว่า 7,975.4 ตัน คิดเป็นมูลค่า 598.5 ล้านบาท โดยส่งออกในรูปแบบของเนื้อปลานิลแปรรูปแช่แข็งและแช่เย็น ถึง 38.1 ซึ่งการแปรรูปดังกล่าวนี้ ทำให้เกิดเศษเหลือทิ้งจากหนัง เกล็ด ครีบ และก้างปลาปริมาณมากถึง 50-70% ของวัตถุดิบเริ่มต้นเลยทีเดียว

กรมประมงจึงศึกษาวิจัยเพื่อหาแนวทางในการนำเศษเหลือทิ้งเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ โดยผลิตเป็นคอลลาเจน ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ในการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และเป็นการช่วยลดปัญหาขยะที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน