นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทวางแผน 3 ปีข้างหน้า เริ่มตั้งแต่ปี 2560-2563 จะใช้งบลงทุนรวมกว่า 55,000 ล้านบาท ใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจที่อยู่อาศัย ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต และธุรกิจอาคารสำนักงานและค้าปลีก รวมทั้งธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์จะเกิดขึ้นในอีก 2-3 ปี เพื่อเดินหน้าธุรกิจด้วยนโยบายในรูปแบบพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอบเม้นต์ แอนด์ อินเวสต์เมนต์ โฮลดิ้ง คัมปานี ซึ่งจะเน้นการพัฒนาธุรกิจต่างๆ ในหลายรูปแบบ แต่จะทำให้ธุรกิจที่เข้าไปลงทุนให้มีความแข็งแรงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นริศ เชยกลิ่น

“แผนการลงทุนของบริษัทจากนี้เราจะพัฒนาโครงการในหลากหลายรูปแบบเพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยจะขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการพัฒนาธุรกิจแบบบูรณาการ ที่จะส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งใน 3 ปีข้างหน้า หรือปี 2563 ตั้งเป้าหมายรายได้ของบริษัทจะเพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากกขายและการให้บริการ รวมกว่า 2,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1,229 ล้านบาท”นายนริศ กล่าว

ตามแผนการลงทุนดังกล่าวมีโครงการใหญ่ระดับเมกะโปรเจค ภายใต้ชื่อ เอมบูดู ลากูน (Emboodhoo Lagoon) ที่มัลดีฟส์ ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 11,000 ล้านบาทสำหรับในเฟสแรก ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงการที่มีหลากหลายรูปแบบ (มิกส์ยูส)ในรูปแบบใหม่ที่ไม่ได้มีแค่โรงแรม และรีสอร์ต เท่านั้น ที่จะมุ่งเจาะตลาดครอบครัว โดยโรงแรมได้เครือฮาร์ดร็อคเข้ามาเป็นพันธมิตรแล้ว คาดว่าทั้งโครงการมูลค่าลงทุนจะมากกว่า 20,000 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังมีแผนจะขยายธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตที่มัลดีฟส์อีก 3 แห่ง รวมทั้งยังสนใจที่จ.ภูเก็ตด้วย โดยตั้งเป้ามีมูลค่าทรัพย์สินในธุรกิจโรงแรมเป็น 20,000 ล้านบาทในปี 2563 จากปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจอาคารสำนักงานตั้งเป้าหมายจะเพิ่มพื้นที่เช่าให้ได้ 2 แสนตร.ม.ในปี 2563 จากปลายปี 2561 จะมีพื้นที่ให้เช่ารวมกว่า 90,000 ตร.ม. โดยจะเน้นทำเลที่การแข่งขันน้อย แต่มีโครงการรถไฟฟ้าให้สะดวกในการเดินทาง ส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นของ สิงห์ เอสเตท จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 11,107 ล้านบาท ล้านบาท ได้แก่ โครงการ ดิ เอส แอท สุขุมวิท 36 และโครงการ สันติธุรี เดอะ เรสซิเดนเซส และอีก 2 โครงการ จาก บริษัท เนอวานา ไดอิ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 7,900 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบันยันทรี เรสซิเดนเซสริวเวอร์ไซด์ กรุงเทพ และโครงการเนอวานา ดีฟายน์ กรุงเทพกรีฑา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน