การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกางยุทธศาสตร์ 5 ปี ลงทุน 7 หมื่นล้าน – มองการเมืองปัญหาระยะสั้นไม่ได้ส่งผลต่อการลงทุนของไทยมากนัก

กนอ.กางยุทธศาสตร์ 5 ปี – นายอัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวในงานสัมมนาทิศทางและแผนยุทธศาสตร์ กนอ. ประจำปีงบประมาณ 2564 ที่โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ ว่า กนอ. กำหนดแผนยุทธศาสตร์ กนอ. ระยะ 5 ปี (2564-68) วงเงินลงทุนประมาณ 70,000 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนของประเทศให้สอดรับกับเทคโนโลยี 5 จีเป็นดิจิตอลแพลตฟอร์มตามทิศทางการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก

ทั้งนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันนิคมอุตสาหกรรมของไทยติดอันดับ 1 ใน 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์อันดับหนึ่ง มาเลเซียอันดับสอง และไทยอันดับสาม แต่ยังไม่นิ่ง เพราะยังต้องแข่งขันกับเวียดนามและฟิลิปปินส์ ที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง

“วงเงินลงทุนของกนอ. ภายใน 5 ปี ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 ซึ่งปีงบประมาณ 2564 มีแผนลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท เป็นการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง (สมาร์ต ปาร์ก) ช่วงเริ่มก่อสร้าง 800 ล้านบาท ลงทุนด้านดิจิตอล 200 ล้านบาท และอื่นๆ 200 ล้านบาท”นายอัฐพลกล่าว

นอกจากนี้ กนอ. จะร่วมกับผู้พัฒนาเทคโนโลยี 5 จี เพื่อนำ 5 จี มาพัฒนานิคมฯ ของกนอ. 5 แห่ง ได้แก่ นิคมฯมาบตาพุด นิคมฯแหลมฉบัง นิคมฯบางปู นิคมฯลาดกระบัง นิคมฯภาคเหนือ รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (เอส-เคิร์ฟ) ส่วนนิคมฯของภาคเอกชนอยู่ระหว่างการพัฒนา

นายอัฐพล กล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนในนิคมฯ อุตสาหกรรม ว่า ขณะนี้ถือว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประกอบกับปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ เห็นได้จากไตรมาส 3/2563 (ก.ค.-ก.ย.2563) มีการลงทุนตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 3 แห่ง วงเงินลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านบาท จ้างงานประมาณ 6 หมื่นคน โดยนักลงทุนญี่ปุ่นยังเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือนักลงทุนจีน

“ส่วนตัวมองว่าปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ถือเป็นปัญหาระยะสั้น ไม่ได้ส่งผลต่อการลงทุนของไทยมากนัก เพราะนักลงทุนโดยเฉพาะญี่ปุ่นอยู่เมืองไทยมานาน มีความเข้าใจสถานการณ์ เพราะการเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น”นายอัฐพลกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน