กนง.เอกฉันท์สั่งคงดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ประคองเศรษฐกิจ หลังประเมินยังมีความเปราะบาง ห่วงบาทแข็งซ้ำเติม เผยว่างงานยังพุ่ง จี้คลังเร่งดูแล

กนง.เอกฉันท์คงดอก0.50% – นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และให้เน้นมาตรการช่วยเหลือที่ตรงจุดมากขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นกว่าคาด แต่ก็ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า และยังต้องการแรงสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเปราะบางและมีความไม่แน่นอนสูง โดยการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับดังกล่าว เพื่อรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีขีดจำกัดเพื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิผลสูงสุด

สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2563 ปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาด แต่ก็ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า และแตกต่างกันมากระหว่างภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี ก่อนที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมจะกลับสู่ระดับก่อนการระบาด ส่งผลให้ตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง โดยในเดือน ต.ค. 2563 อัตราการว่างงานขยายตัว 2.1% โดยเฉพาะรายได้ของแรงงานที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะกดดันการนบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เมื่อปัจจัยสนับสนุนชั่วคราวหมดลง

ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐมีแนวโน้มต่ำกว่าที่ประเมินไว้ ด้านระบบการเงินมีเสถียรภาพ แม้ว่าจะมีความเปราะบางขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจและความเสี่ยงต่อฐานะการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือน สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบน้อยลงจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น และจะอยู่ใกล้เคียงกับขอบล่างของกรอบเป้าหมายในปี 2564 ด้านคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังยึดเหนียวอยู่ในกรอบเป้าหมาย ขณะที่สภาพคล่องในระบบอยู่ในระดับสูง และต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ

สำหรับธุรกิจและครัวเรือนบางส่วนที่ต้องการสภาพคล่องยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ ปรับแข็งค่าขึ้นเร็วจากนักลงทุนต่างชาติที่กลับมาลงทุนในสินทรัพย์ของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่เพิ่มขึ้น ภายหลังผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ และความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19

“คณะกรรมการฯ กังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเร็ว ซึ่งกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางจึงเห็นควรให้ติดตามตลาดอัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด รวมทั้งพิจารณาความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม” นายทิตนันทิ์ กล่าว

นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าการประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานภาครัฐมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยนโยบายการเงินต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง มาตรการทางการเงินและสินเชื่อควรเร่งกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ตรงจุดและทันการณ์ รวมทั้งผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เกิดผลในวงกว้าง สำหรับมาตรการทางการคลังก็มีบทบาทสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จึงควรเร่งเบิกจ่ายและให้ความช่วยเหลือกลุ่มที่เปราะบางอย่างตรงจุด ควบคู่กับการเร่งดำเนินนโยบายด้านอุปทานเพื่อปรับรูปแบบธุรกิจและยกระดับทักษะแรงงาน ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวยั่งยืนในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับการดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ ยังคงให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ รวมทั้งติดตามความเพียงพอของมาตรการภาครัฐและปัจจัยต่างๆ ทั้งความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ความคืบหน้าของการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และฐานะทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือน ในการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า โดยพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมหากจำเป็น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน