น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานตัวเลขภาพรวมการลงทุนปี 2563 คาดจะสามารถประกาศได้ประมาณปลายเดือนม.ค. 2564 ซึ่งเบื้องต้นจำนวนคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากปีก่อนมากนัก แต่เม็ดเงินการลงทุนในโครงการต่างๆ อาจลดลงเล็กน้อย เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทบต่อการลงทุนทั่วโลก

“คาดว่าจะมีเม็ดเงินการลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท และประเมินภาพรวมการลงทุนในปี 2564 จะดีขึ้นกว่าปีนี้ได้ โดยจะเร่งกระตุ้นการลงทุนให้ได้เกิน 3 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน”

ในที่ประชุมบอร์ดบีโอไอเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2564 สำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่มีการลงทุนจริงในอุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างน้อย 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ภายใน 12 เดือนหลังออกบัตรส่งเสริม ให้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นระยะเวลา 5 ปี เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ และไม่อนุญาตให้ขยายเวลาในขั้นตอนการตอบรับให้การส่งเสริมและการออกบัตรส่งเสริม ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมได้ตั้งแต่วันทำการแรกของปี 2564 ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2564

นอกจากนี้ บอร์ดบีโอไอ มีมติขยายเวลารับคำขอส่งเสริมการลงทุนออกไปอีก 2 ปี ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2565 สำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ SEZ 10 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี เชียงราย ตราด ตาก นครพนม นราธิวาส มุกดาหาร สงขลา สระแก้ว และหนองคาย ครอบคลุมทุกประเภทกิจการที่เปิดให้การส่งเสริมกว่า 300 กิจการ

แต่ทั้งนี้หากเป็นกิจการที่อยู่ใน 14 กลุ่มกิจการเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมเกษตร ประมง สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและเครื่องหนัง เครื่องเรือน อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องมือแพทย์ พลาสติก กิจการท่องเที่ยว เป็นต้น จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และลดหย่อน 50% อีก 5 ปี

ขณะเดียวกัน ยังมีมติให้ขยายเวลารับคำขอสำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุน 5 ประเภทกิจการ ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกไปอีก 2 ปี เช่นเดียวกัน ประกอบด้วย 1.กิจการผลิตวัสดุก่อสร้างและกิจการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงสำหรับงานสาธารณูปโภค 2.กิจการผลิตสิ่งปรุงแต่งสำหรับประทินร่างกาย เช่น สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน เครื่องสำอาง 3.กิจการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภค เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติก 4.กิจการผลิตสิ่งของจากเยื่อหรือกระดาษ เช่น กล่องกระดาษ และ 5.กิจการพัฒนาอาคารสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและ/หรือคลังสินค้า

โดยมี 2 มาตรการ คือ 1. มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ 4 อำเภอ ในจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอจะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา และ 2. มาตรการส่งเสริมการลงทุนภายใต้โครงการเมืองต้นแบบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใน 4 พื้นที่ ได้แก่ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส และอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา สามารถยื่นขอรับการส่งเสริมได้ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2565 หนุนเขตส่งเสริมพิเศษการแพทย์จีโนมิกส์

น.ส.ดวงใจ กล่าวเพิ่มเติมว่า บีโอไอยังมีมติเห็นชอบให้เขตส่งเสริมการแพทย์จีโนมิกส์ มหาวิทยาลัยบูรพา (บางแสน) เป็นพื้นที่เขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยให้ได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับโครงการที่ตั้งในเมืองการบินภาคตะวันออก (อีอีซีเอ) เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซีไอ) เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (อีอีซีดี) และศูนย์การแพทย์ครบวงจรธรรมศาสตร์ (พัทยา)

โดยหากเป็นกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตั้งแต่ 5-8 ปีขึ้นไป จะได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มเติมอีก 2 ปี แต่หากเป็นกิจการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมายและกิจการสนับสนุน ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 10 ปีอยู่แล้ว จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มอีก 1 ปียกระดับกิจการด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล

สำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 500,000 บาท และใช้เครื่องจักรที่มีอยู่เดิมร่วมได้ด้วย หากมีโครงการที่ลงทุนอยู่แล้วเดิม ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งโครงการเดิม และโครงการลงทุนใหม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน