อนุทิน สั่งคมนาคมลุย ลงทุน 5.7 หมื่นล้าน เร่งขยายอาคารผู้โดยสาร สนามบินสุวรรณภูมิ คาดเสนอให้ที่ประชุมครม.อนุมัติ มี.ค. นี้

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผย ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะรองนายกรัฐมนตรีดูแลกระทรวงคมนาคม ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันนี้(15ม.ค.)ว่าที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ หรือ ทอท. เร่งลงทุนก่อสร้างขยายอาคารผู้โดยสาร สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 3 อาคารพร้อมกัน รวมวงเงินลงทุนทั้งสิ้น 56,920 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย 1.อาคารส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) วงเงินลงทุน 41,260 ล้านบาท 2.อาคารผู้โดยสารหลักในฝั่งตะวันออก (East Expansion) วงเงิน 7,830 ล้านบาท และ3. อาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันตก (West Expansion)วงเงิน 7,830 ล้านบาท

โดยให้ ทอท.นำแผนการดำเนินโครงการดังกล่าวไปขอความเห็นจาก องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ(ไออาต้า) ให้แล้วเสร็จภายใน 60วัน และนำกลับมาเสนอกระทรวงคมนาคม คาดว่าในเดือนมี.ค. จะสามารถนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการได้

นายศักดิ์สยามกล่าวว่าการหารือวันนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไม่ขัดข้อง และเห็นชอบให้เร่งก่อสร้างพร้อมกันเลย 3 อาคาร ซึ่งตนมองว่าช่วงนี้มีความเหมาะสมที่ ทอท.จะต้องเร่งขยายอาคารผู้โดยสารเพราะเป็นช่วงที่มีผู้ใช้บริการน้อยจากจนสนามบินแทบจะร้างจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งหากเร่งสร้างช่วงนี้ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อ เที่ยวบิน และ ผู้โดยสารที่ใช้บริการ

“คาดว่าจะนำเสนอเรื่องให้ ครม.พิจารณาอนุมัติได้ในเดือนมี.ค.64 เดือนก.ย.64 จะสามารเปิดประมูลและได้ตัวผู้รับจ้างก่อสร้างอาคารส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ เดือนก.ย.ปี2566 สร้างเสร็จ ส่วนอาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันตกและตะวันออกคาดว่าจะสร้างเสร็จม.ค.ปี 2567 สอดรับกับรันเวย์ที่ 3 สุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภาที่จะก่อสร้างเสร็จในปี 2568พอดี”

นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่า ขณะนี้ ทอท.มีความพร้อมเรื่องเงินลงทุน เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีฐานะทางการเงินที่แข็งแรง สามารถลงทุนได้ และยังเป็นการลงทุนที่ทยอยจ่าย รวมทั้งมั่นใจว่า ในปี 2565 ทอท. จะกลับมามีรายได้เท่ากับปกติ จากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ที่คลี่คลาย

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ขณะนี้ ทอท.มีฐานะการเงินที่เช้มแข็ง มีเงินสดเหลืออยู่ 3.2หมื่นล้านบาท โดยหากจะต้องมีการลงทุนเพิ่มใน3โครงการ คาดว่าในปี 2564 จะยังไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงินมาลงทุนเพิ่ม แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เลวร้ายลง ก็อาจจะมีความจำเป็นต้องกู้เงินในปี 2565 และ2566 แต่เป็นการกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องเท่านั้น แต่จำนวนเท่าใดยังบอกไม่ได้

ส่วนการปรับแผนการก่อสร้าง มาดำเนินการพร้อมกันทุกโครงการ จากเดิมจะก่อสร้างในส่วนของส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือก่อนนั้น คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดทำอีไอเอ เนื่องจากในการจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อมการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 สนามบินสุวรรณภูมิได้มีการประมานการจำนวนผู้โดยสารไว้ที่ 120 ล้านคนแล้ว ซึ่งครอบคลุมศักยภาพการรองรับผู้โดยสารของการขยาย 3อาคาร จึงไม่ต้องจัดทำอีไอเอใหม่ ซึ่งขณะนี้ทอท.ได้ เดินหน้าทำอีไอเอรัยเวย์3ไปแล้วกว่า 90% ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด แต่อาจจะต้องเสนอเรื่องให้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. พิจารณาอนุมัติแผนการก่อสร้างอีกครั้ง เนื่องจาก ทอท. มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการจากเดิมจะสร้างฝั่งทิศเหนือนก่อน เป็นการก่อสร้างพร้อมกับทั้งหมด

ทั้งนี้หากมีการก่อสร้าง ทั้ง3อาคารเพิ่มสนามบินสุวรรณภูมิจะสามารถเพิ่มสามสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 60 ล้านคน เมื่อบวกรวมกับอาคารผู้โดยสารหลักในปัจจุบันจะทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้รวมทั้งสิ้น 120 ล้านคน

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน