รายงานพิเศษ

จับตา1ปี‘ทหาร’คุมรัฐบาลเมียนมา : หลังจากกองทัพเมียนมาทำรัฐประหารเมื่อวันจันทร์ที่ 1 ก.พ. และส่งมอบอำนาจบริหารและตุลาการให้กับ พล.อ.มิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี โดยให้เหตุผลการทำรัฐประหารว่ามีการโกงเลือกตั้ง

แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นเหตุการณ์ภายในประเทศของเมียนมา แต่ประเทศไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านย่อมต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ทั้งในเรื่องความมั่นคงและเศรษฐกิจ

จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปัจจุบันการค้าระหว่างไทยและเมียนมาในปี 2563 มีมูลค่า 197,790 ล้านบาท แบ่งเป็นไทยส่งออกไปยังเมียนมา 113,940 ล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องดื่ม น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ เหล็กและผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง สบู่ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป ผ้าผืน และรถจักรยานยนต์

ส่วนไทยนำเข้าสินค้าจากเมียนมา มูลค่า 83,850 ล้านบาท สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ พืชและผลิตภัณฑ์ สินแร่โลหะอื่นๆ เนื้อสัตว์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง ผัก ผลไม้ เครื่องจักรไฟฟ้า สัตว์และผลิตภัณฑ์ ไม้และผลิตภัณฑ์

การค้าชายแดนของไทยกับเมียนมาโดยกรมการค้าต่างประเทศ ในปีที่ผ่านมาลดลง 14.74% ปัจจุบันเปิด 3 จุดจากทั้งหมด 21 จุด คือด่านแม่สาย จ.เชียงราย ด่านแม่สอด จ.ตาก และด่านจ.ระนอง

แบ่งเป็นที่ด่านแม่สาย มูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท, ด่านแม่สอด 74,000 ล้านบาท และด่านระนอง มูลค่าการค้ารวมปี 2563 มูลค่า 17,000 ล้านบาท

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ นำประเด็นรัฐประหาร หารือในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.พาณิชย์) ได้ข้อสรุปเบื้องต้นยังไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อภาคการค้าและภาคธุรกิจ ยังสามารถดำเนินการทางธุรกรรมได้ตามปกติ

คาดว่าในเร็วๆ นี้ ด่านสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่ปิดไปเพื่อป้องกันโควิด-19 จะกลับมาเปิดทำการได้

รวมทั้งให้สำนักงานพาณิชย์ในเมียนมาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรก รายงานและอัพเดต สถานการณ์ในเมียนมา ที่เกี่ยวข้องกับการค้าการลงทุนการทำธุรกิจทุกวัน

ขณะเดียวกันภาคเอกชนในพื้นที่ โดยนายอนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะทำให้การนำเข้าสินค้าจากไทยมากขึ้นกว่าปกติ เพราะประชาชนอาจจะตื่นตระหนกกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม จะติดตามสถานการณ์ภายในของเมียนมาอย่างใกล้ชิดต่อไป แต่จากการประเมินเบื้องต้นไม่น่าจะมีผลต่อการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศ

ด้านนายประเสริฐ จึงกิจรุ่งโรจน์ ประธานหอการค้าจ.ตาก กล่าวว่า ในวันแรกที่เกิดเหตุฝั่งของเมียนมาปิดประตูด่านพรมแดน 3-4 ชั่วโมง ทำให้เกิดความแออัดของการขนส่งสินค้าหน้าด่าน แต่หลังจากนั้นก็เปิดด่านตามปกติในเวลาประมาณ 10.00 น.

จากการประเมินสถานการณ์ในขณะนี้มองว่าเมียนมา น่าจะสั่งนำเข้าสินค้าจากไทยมากขึ้น รองรับกับความต้องการของประชาชน ที่อาจกักตุนสินค้า

การรัฐประหารครั้งนี้จึงไม่ปิดด่านขนส่งสินค้า เพราะการเปิดด่านเป็นประโยชน์ของเมียนมาเอง และขณะนี้เป็นช่วงที่ไทยอนุญาตให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเมียนมาได้ในช่วงเดือนก.พ.-ส.ค.เท่านั้น หากปิดด่านพรมแดนไปจะทำให้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรตกค้าง

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือทางทหารจะเข้ามาควบคุมการค้าขาย ด้วยการแก้ไขกฎระเบียบในการนำเข้าส่งออกระหว่างไทยและเมียนมาใหม่ ซึ่งห่วงว่าจะเป็นปัญหาและอุปสรรคระหว่างกัน ซึ่งจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

ขณะที่นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่กระทบกับการค้าการลงทุนของไทย เพราะเมียนมามีการประกาศชัดในการควบคุมภาวะฉุกเฉินไป 1 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่มีความชัดเจน

ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การค้าการลงทุนต่างๆ ชะลอออกไป แต่ในแง่ของภาพลักษณ์ที่นานาชาติมองอาจจะดูไม่ดี แต่ทั้งนี้เชื่อว่าถ้าไม่มีสถานการณ์รุนแรงก็ไม่น่าเป็นห่วง

ตามที่เมียนมากับไทยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน การรัฐประหารครั้งนี้เป็นการควบคุมสถานการณ์ภายในของเมียนมา เชื่อว่าจะจบโดยเร็วเพราะกำหนดระยะเวลาไว้อย่างชัดเจน และนักลงทุนชาติตะวันตกคงไม่ถอนการลงทุน เพราะเข้าไปลงทุนในเมียนมาค่อนข้างมาก

ส่วนการค้าการลงทุนของไทยตามแนวชายแดน ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบ แม้ว่าจะปิดด่านบ้างและอาจจะส่งผลกระทบต่อการขนส่ง โดยเฉพาะสินค้าที่เน่าเสียเร็ว ดังนั้น รัฐบาลไทยเองต้องเร่งหาทางแก้ไขและหาตลาดทดแทนโดยด่วน

ฝ่ายนักวิชาการ โดยนายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากปิดชายแดนจะมีผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนของไทยแน่นอน เนื่องจากสินค้าไม่สามารถนำเข้าไปในเมียนมาได้ และไม่สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ เพราะปิดอินเตอร์เน็ตและส่งผลถึงการโอนเงินผ่านทางธนาคารทำไม่ได้

รวมถึงการเดินทางก็ยากขึ้น คาดว่าจะกระทบ 1 ไตรมาส และจะกระทบต่อการค้าไทยประมาณ 50 ล้านบาทต่อวัน

ส่วนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 ปีนั้น เบื้องต้นกระทบต่อการค้าไทย 1 ไตรมาส จากนั้นก็น่าจะเริ่มมีการปรับตัว และจากนี้ 1 ปี รัฐบาลทหารจะให้เลือกตั้งหรือไม่ หรือจะบริหารต่อไปต้องจับตาดู

การลงทุนของไทยในเมียนมาไม่น่าจะสะดุด เพราะนักลงทุนไทยคุ้นเคยกับรัฐบาลทหารมานาน ปรับตัวได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจคือนานาชาติจะประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับเมียนมาก็จะกระทบต่อเม็ดเงินต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเมียนมา

โดยเฉพาะยุโรป สหรัฐ ญี่ปุ่น ทำให้เศรษฐกิจเมียนมาได้รับผลกระทบ กำลังซื้อลดลงไป กระทบการค้าขายไทยกับเมียนมาจากที่โดยกระทบจากโควิด-19 อยู่แล้ว

ทั้งนี้ ต้องจับตาท่าทีต่างประเทศ โดยขณะนี้ทางการออสเตรเลียเรียกร้องให้ทหารปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี และบุคคลสำคัญของพรรค รวมทั้งสหรัฐจะตอบโต้ทางใดทางหนึ่งและเรียกร้องให้เดินบนเส้นทางประชาธิปไตย

ไทยจะต้องเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ ตลอดระยะเวลาจากนี้ไป 1 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน