ททท. ประเมินหยุดมาฆบูชา 26-28 ก.พ. ท่องเที่ยวไม่คึกคัก ศบค. คลายกฏการใช้จ่ายหดหาย รายได้หมุนเวียนเหลือ 3.9 พันล้าน

ททท.ชี้หยุดมาฆะไม่คึก – นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงหยุดยาวเนื่องในวันมาฆบูชาปี 2564 ระหว่างวันที่ 26-28 ก.พ. 2564 คาดว่าจะมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศประมาณ 1.09 ล้านคน-ครั้ง ลดลง 44% และมีรายได้หมุนเวียนกว่า 3,900 ล้านบาท ลดลง 38% โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 16% ลดลง 51%

ทั้งนี้ แม้ ศบค. จะมีประกาศปลดล็อก ให้ร้านอาหาร ร้านเล่า สามารถเปิดและขายเหล้าได้ จะกระตุ้นการบริโภคได้บ้าง แต่ไม่ได้มีนัยยะ เพราะการท่องเที่ยวระยะไกลไม่เกิด เที่ยวบิน ระหว่างจังหวัดยังน้อย

“คาดบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวช่วงหยุดยาววันมาฆบูชาปลายเดือนก.พ.นี้ ไม่คึกคักเท่าที่ควร การใช้จ่ายหดหายเมื่อเทียบกับวันหยุดมาฆบูชาปี 2563 เนื่องด้วยปัจจัยลบจากการระบาดของโควิด-19 ที่แม้ว่าในเดือนก.พ. จะคลี่คลายอยู่ในทิศทางที่ดี แต่ยังคงมีผลกระทบทางด้านจิตวิทยากับประชาชนบางส่วนที่ยังกังวล และไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัย จึงชะลอการเดินทางออกไปก่อน หรือออกเดินทางท่องเที่ยว แต่หลีกเลี่ยงที่จะพักค้างแรม ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ต้องระมัดระวังการใช้จ่าย และปัญหาหมอกควันฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 ที่ยังมีค่าสูงเกินมาตรฐานในบางพื้นที่”

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า จากปัจจัยลบดังกล่าว ทำให้สถานการณ์ท่องเที่ยววันหยุดนี้ตกอยู่ในแดนลบ ซึ่งภูมิภาคตะวันออกมี การติดลบทั้งจำนวนและรายได้มากที่สุด โดยมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 1.18 แสนคนครั้ง ติดลบ 74% และมีรายได้ 471 ล้านบาท ติดลบ 68% และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 12% ลดลง 56%

ส่วนหนึ่งเป็นผลจากพื้นที่แม่เหล็กของการทำบุญไหว้พระในวันหยุดสำคัญอย่าง จ.จันทบุรี ประกาศงดการจัดงานประเพณีมนัสการรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ ในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค. 2564 ซึ่งทุกปีที่ผ่านมาจะมีพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางหลั่งไหลเพื่อขึ้นไปมนัสการฯ จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในวันมาฆบูชา และติดอันดับ 1 ใน 10 ติดต่อกันมา 3 ปีซ้อน ดังนั้นจึงคาดว่าการงดจัดงานมนัสการฯ เขาคิชฌกูฏ น่าจะเป็นตัวฉุดให้จำนวนและรายได้ของภาคตะวันออกลดลง

อย่างไรก็ตาม แม้การแพร่ระบาดโควิด-19 และเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยว แต่ด้วยวันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของชาวพุทธ จึงคาดว่าจะมีประชาชนส่วนหนึ่งออกเดินทางท่องเที่ยวและทำกิจกรรมในวันสำคัญดังกล่าว อาทิ ตักบาตร ทำบุญไหว้พระ เวียนเทียนตามวัดต่างๆ ตามความเชื่อและศรัทธาของพุทธศาสนิกชน พร้อมกับใช้ช่วงเวลาดังกล่าวถือโอกาสพาครอบครัวไปรับประทานอาหาร และแวะเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ โดยเน้นการใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นตามสภาพเศรษฐกิจ

ดังนั้นการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ จึงน่าจะเป็นการเดินทางระยะใกล้ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังคงกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เมืองหลัก เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี นครราชสีมา กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา และเพชรบุรี ขณะที่พื้นที่เมืองรองที่มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา และมีกระแสศรัทธาต่อเนื่องจากไอ้ไข่อย่างนครศรีธรรมราช ก็ได้รับความนิยในช่วงวันหยุดนี้เช่นกัน

นอกจากนี้ จ.เชียงใหม่ แม้จะเป็นพื้นที่ระยะไกล แต่ด้วยอากาศที่เย็นอยู่ มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและธรรมชาติที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มวัย ประกอบกับไม่มีปัญหาเรื่องหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 เหมือนกับจังหวัดข้างเคียง จึงทำให้คนไทยเลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปเชียงใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน