ครม.ไฟเขียวสภาพัฒน์ ยึดเงินกู้คืน 141 โครงการ หลังพบเบิกจ่ายอืด ต่ำกว่า 10% ลั่นยังนิ่งเฉย 30 เม.ย.นี้ยุติโครงการแน่

ครม.ไฟเขียวยึดเงินกู้คืน – นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่มีเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.หรือสภาพัฒน์) เป็นประธาน โดยได้ขอมติจากที่ประชุมครม. บังคับให้หน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับการอนุมัติโครงการไปแล้ว และมีผลการเบิกจ่ายเงินต่ำกว่า 10% ณ วันที่ 1 ก.พ. 2564 มากถึง 141 โครงการ จากจำนวน 209 โครงการ

ทั้งนี้ จะต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายโดยเร็ว หากยังไม่สามารถลงนามในสัญญา หรือยังนิ่งเฉยไม่มีแผนใช้จ่ายในส่วนงบดำเนินงานที่ชัดเจนภายในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ก็ต้องยุติโครงการ และต้องส่งคืนเงินกู้ที่เหลือมาให้รัฐทันที โดยโครงการทั้งหมด 141 โครงการ นั้น แยกเป็น กรณีโครงการที่มีปัญหา อุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับระบบ eMENSCR และการเปลี่ยนแปลง รายละเอียดโครงการ รวม 6 โครงการ วงเงิน 39 ล้านบาท ประกอบด้วย หน่วยงานกรอกข้อมูลในระบบ eMENSCR ผิดพลาด 3 โครงการ วงเงิน 30 ล้านบาท และหน่วยงานอยู่ระหว่างการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียด 3 โครงการ วงเงิน 8 ล้านบาท

ส่วนกรณีโครงการที่มีปัญหา อุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการ 9 โครงการ วงเงิน 221 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการยังไม่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างจากผู้ว่าราชการจังหวัด 3 โครงการ วงเงิน 16 ล้านบาท, การดำเนินโครงการไม่สอดคล้องกับฤดูกาล 2 โครงการ วงเงิน 37 ล้านบาท และความล่าช้าอันเนื่องมาจากโครงการมีความซับซ้อนหรือการสั่งซื้อมีระยะเวลานาน หรือไม่ทราบขั้นตอนการดำเนินงาน 4 โครงการ วงเงิน 166 ล้านบาท

ขณะเดียวกันยังมีกรณีปัญหา อุปสรรคเนื่องจากอยู่ระหว่างรอระเบียบ วิธีการปฏิบัติสำหรับ โครงการของจังหวัด รวม 51 โครงการ วงเงิน 5,090 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางได้จัดส่งวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินจากคลังของจังหวัดตามโครงการ เงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่พบว่ามีปัญหาอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกจำนวน 26 โครงการ วงเงิน 253 ล้านบาท เนื่องจากโครงการมีลักษณะเป็นการจัดฝึกอบรมทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ และกรณีไม่พบปัญหาและอุปสรรคหรือไม่ระบุอีกมากถึง 49 โครงการ วงเงิน 167 ล้านบาท ดังนั้นทางคณะกรรมการฯ จึงได้รวบรวมข้อมูลมาเสนอให้ครม.รับทราบ ต่อไป

นายอนุชา กล่าวว่า ในส่วนของตัวเลขล่าสุดของการใช้จ่ายเงินกู้ตามพ.ร.ก.ฉบับนี้ ณ วันที่ 15 ก.พ. 2564 ครม.ได้อนุมัติโครงการที่เสนอขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก. ตามที่คณะกรรมการเสนอแล้ว 256 โครงการ รวมกรอบวงเงินกู้ทั้งสิ้น 748,666 ล้านบาท ยังเหลือวงเงิน 251,333 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน