ส.อ.ท. ยิ้มได้ยอดผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกกระเตื้อง ชี้สัญญาณเศรษฐกิจฟื้น เล็งปรับเป้าในประเทศ เด้งรับมหกรรมมอเตอร์โชว์
ยอดผลิตรถกระเตื้อง – นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดการผลิตรถยนต์เดือนก.พ. 2564 ผลิตได้ 155,200 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.05% จากการผลิตเพื่อส่งออกที่เริ่มกลับมาขยายตัวเป็นบวก ผลิตได้ 88,315 คัน เพิ่มขึ้น 5.91% สอดคล้องกับยอดส่งออกรถยนต์ที่ 79,470 คัน ที่แม้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.52% เพราะตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ตะวันออกกลาง ยุโรป และแอฟริกา แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 7.2% ในตลาดเอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้
โดยประเทศคู่ค้าเปิดโรงงานผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการเครื่องยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์มากขึ้น ส่งผลให้ตลาดส่งออกหลายตลาดเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง เห็นได้จากมูลค่าการส่งออกเครื่องยนต์ที่ 3,382.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 38.17% มูลค่าชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ 19,346.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.15%
“ส.อ.ท. ยังประเมินเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นจะส่งผลต่อยอดผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศปีนี้จะสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาในกรณีที่สถานการณ์โควิด-19 ไม่ยืดเยื้อหรือลุกลามจนนำไปสู่การประกาศปิดเมือง (ล็อกดาวน์) อีก ก็มีความเป็นไปได้ที่ยอดผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศทั้งปีจะผลิตได้ 8-8.5 แสนคัน จากปัจจุบันคาดไว้ผลิตได้ 7.5 แสนคัน จากประมาณการยอดผลิตรวมทั้งปีอยู่ที่ 1.5 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 7.5 แสนคัน”
นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อประกอบการทบทวนการยอดผลิตรถยนต์ทั้งปีใหม่ คาดจะมีความชัดเจนภายใน 1-2 เดือน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 มี.ค.-4 เม.ย. 2564 ที่คาดว่าจะกระตุ้นยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นได้
ส่วนยอดผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศเดือนก.พ. ผลิตได้ 66,885 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.5% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขายในประเทศอยู่ที่ 58,960 คัน ลดลง 10.9% เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความกังวลเรื่องการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค. 2563 และกระจายไปอีกหลายจังหวัด ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่และเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ประชาชนจึงระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ประกอบกับสถาบันการเงินก็เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
