ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ จะมีการเลือกตั้งนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) สมาคมใหญ่ที่นำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศ (Inbound) หลังจากนายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมคนปัจจุบันจะหมดวาระลง โดยการเลือกที่กำลังจะเกิดขึ้น มีการแข่งขันระหว่าง 2 ทีม ทีมแรก คือ นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร ประธานควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป ซึ่งในอดีตเคยเป็นนายกสมาคมแอตต้า ในปี 2554-2557 และเป็น 1 ใน 3 รายใหญ่ของผู้ประกอบการไทยที่ทำตลาดจีน ส่วนทีมที่สองนำโดยนางมิ่งขวัญ เมธเมาลี กรรมการผู้จัดการบริษัท อิมเมจ เอเชีย จำกัด เชี่ยวชาญทำตลาดนักท่องเที่ยวยุโรป และฝรั่งเศส และปัจจุบันเป็นประธานสมาคมท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียน (ASEANTA)

นายศิษฎิวัชร เปิดเผยว่า ผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้บริษัททัวร์จำนวนมากต้องปิดกิจการ เฉพาะสมาชิกแอตต้าปิดตัวไป 200-300 บริษัท จากทั้งหมด 1,200 บริษัท วิกฤตครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และอาจจะยาวนานถึง 2 ปี จึงต้องการผลักดันให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนยามวิกฤตแห่งชาติสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ โดยให้รัฐลงเงินทุนประเดิม จากนั้นเมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาปกติ ค่อยคิดวิธีนำเงินเข้าใส่กองทุนซึ่งบริษัททัวร์ต้องร่วมลงเงินด้วย และคืนเงินประเดิมกลับคืนให้รัฐบาล โดยมองว่าควรมีวงเงินระดับพันล้านบาท

“ตอนเกิดสินามิ เราก็เคยคุยกันเรื่องตั้งกองทุน แต่ยังไม่ได้ตั้ง จนเกิดวิกฤตครั้งนี้ธุรกิจท่องเที่ยวไม่มีใครยื่นมือมาช่วย จึงต้องผลักดันเรื่องการจัดตั้งกองทุนกันใหม่ เวลาเกิดวิกฤตจะได้นำเงินมาปล่อยกู้ ช่วยเหลือกันได้ ตอนนี้ธุรกิจท่องเที่ยว เหมือนพระเอกที่ถูกลืม ทั้งที่ในปี 2562 สร้างรายได้คิดเป็น 18% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าท่องเที่ยวยังคงเป็นพระเอกในการหารายได้เข้าประเทศ แต่ระหว่างนี้ต้องการให้รัฐบาลดูแลผู้ประกอบการท่องเที่ยว มีการพักชำระหนี้ และเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้เร่งด่วนก่อน”

สำหรับเรื่องการฉีดวัคซีนให้กับคนในประเทศ นายศิษฎิวัชร มองว่าเป็นจุดที่จะทำให้การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นได้เร็ว แต่เป็นเรื่องของระหว่างประเทศที่ต้องพร้อมทั้งสองฝ่าย ทั้งประเทศต้นทางในการเดินทางมาและประเทศไทยที่จะรองรับนักท่องเที่ยว ถ้ามีฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งยังไม่พร้อมก็ยังเกิดการเดินทางไม่ได้ และขอให้บุคลากรการท่องเที่ยวได้รับวัคซีนก่อน และมองว่าประเทศไทยจะต้องมีการจัดทำวัคซีน พาสปอร์ต ให้กับคนที่รับการฉีดวัคซีนแล้วด้วย นอกจากนี้ ขอเสนอภาครัฐแก้ไขโครงสร้างภาษีธุรกิจท่องเที่ยวให้เป็นรูปแบบเศรษฐกิจพิเศษอัตราต่ำหรือยกเว้นด้วย

ด้านนางมิ่งขวัญ กล่าวว่า ภาคธุรกิจท่องเที่ยวถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างหลายอย่าง และต้องปรับไปใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น ถ้าแอตต้าไม่เตรียมตัวให้สมาชิกตั้งแต่ตอนนี้ พอมีการเปิดประเทศ ธุรกิจท่องเที่ยวจะตกไปอยู่ในมือของออนไลน์ ทราเวล เอเจนท์ อย่าง อาโกด้า ทราเวลโลก้า ไปหมดแน่ๆ จึงมองว่าควรที่จะจัดทำมาร์เก็ต เพลส แพลตฟอร์ม ขึ้นมา ภายใต้โครงการ แอตต้า ทราเวล เทค แอนด์ เทรด (ATTT) เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆให้เข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการตั้งกองทุนเพ่อช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยว ขอมองในแง่ความเป็นจริงว่าขนาดของกองทุนที่เป้นจริงได้ตั้งเป้าช่วยเหลือเฉพาะสมาชิกแอตต้าที่มีอยู่ 1,200 ราย หรือวงเงิน 1,200 ล้านบาท

สำหรับเรื่องวัคซีน พาสปอร์ต มองว่าถ้าได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมแอตต้า จะยังคงอยู่ในตำแหน่งของประธานสมาคมท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียน (ASEANTA) ต่อไปได้ ก็จะสามารถเชื่อมโยงประเทศสมาชิกในอาเซียนให้ร่วมมือกันในเรื่องนี้ ยิ่งถ้าประเทศอื่นในอาเซียนร่วมมือกันและถ้าไทยไม่ตัดสินใจให้มีวัคซีน พาสปอร์ต ไทยก็จะเสียโอกาสอย่างมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน