นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีพลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เป็นประธาน ว่ากบง.มีมติคงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เดือนพ.ย.อยู่ที่ 21.15 บาท/กิโลกรัม(กก.) เนื่องจากราคาซื้อตั้งต้นแอลพีจีปรับตัวลดลง 24 สตางค์/กก. จาก 20.72 บาท/กก. เป็น 20.47 บาท/กก. มีผลตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.2560

โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีรายจ่ายสุทธิอยู่ที่ 941 ล้านบาท/เดือน มีฐานะสุทธิของกองทุน ณ วันที่ 7 พ.ย.2560 อยู่ที่ 36,685 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีในส่วนของก๊าซแอลพีจีอยู่ที่ 4,499 ล้านบาท และบัญชีในส่วนของน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 32,186 ล้านบาท

ทวารัฐ สูตะบุตร

นอกจากนี้ กบง.อนุมัติหลักการตามที่สนพ. เสนอให้พิจารณาแนวทางปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างราคาแอลพีจีให้มีกลไกคล้ายน้ำมันมากขึ้น โดยหลักเกณฑ์ใหม่จะใช้ค่าเฉลี่ยของราคาแอลพีจี คาร์โก้ เป็นรายสัปดาห์ (30ต.ค.-3พ.ย.2560) ในการคำนวณราคา ณ โรงกลั่นเพื่อให้ราคาขายปลีกอ้างอิงปลายทางไม่ผันผวน และกระตุ้นให้ตลาดค้าปลีกแอลพีจีเกิดการแข่งขันมากขึ้น

“การประชุมกบง.ครั้งนี้เริ่มใช้ราคาอ้างอิงรายสัปดาห์ตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นไป ซึ่งเบื้องต้นใช้ค่าการตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.25 บาท/กก. และมอบหมายให้ สนพ.ไปศีกษารูปแบบการคำนวณค่าการตลาดที่เหมาะสมต่อไป คาดจะแล้วเสร็จภายใน 6-8 เดือน โดยกลไกราคาแอลพีจีที่ปรับใหม่ จะทำให้ปั๊มปรับราคาแอลพีจีขึ้นลงยืดหยุ่นเหมือนราคาน้ำมันได้เอง ทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น แต่ยืนยันไม่ส่งผลกระทบต่อราคาแอลพีจีขนาดบรรจุถัง 15 กิโลกรัม จะปรับตัวสูงขึ้น เพราะมีกลไกการประกาศราคาแนะนำแอลพีจีขนาดบรรจุถังของกระทรวงพาณิชย์ดูแลอยู่แล้ว”

อย่างไรก็ตาม ยังให้ สนพ.เร่งแจ้งผู้ประกอบการแอลพีจี 13 แบรนด์ คิดเป็นจำนวนปั๊มแอลพีจีจำนวน 1,869 แห่ง ให้ลงทะเบียนหน้าเว็ปไซต์ เพื่ออนาคตจะมีการแจ้งราคารายวันหน้าเว็ปไซต์สนพ.เช่นเดียวกับราคาน้ำมัน ขณะเดียวกัน กบง.ยังเห็นชอบให้กำหนดเพดานการอุดหนุนราคาก๊าซแอลพีจี โดยกำหนดเงินสำหรับใช้ในการชดเชยราคาสูงสุดแต่ละเดือนไม่เกิน 5% ของฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งบัญชีน้ำมันและก๊าซแอลพีจี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน