เปิดยุทธศาสตร์ ธนารัตน์ งามวลัยรัตน์
ธ.ก.ส.ใช้เทคโนโลยีเสริมแกร่งเกษตรกร
: รายงานพิเศษเศรษฐกิจ

 

เปิดยุทธศาสตร์ ธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ – ธ.ก.ส.ใช้เทคโนโลยีเสริมแกร่งเกษตรกร : รายงานพิเศษเศรษฐกิจ – พาคณะสื่อมวลชนบินลัดฟ้า เยือนเมืองคอน ‘นครศรีธรรมราช’ ลงพื้นที่เยี่ยมลูกค้า เกษตรกร หลังจากที่เข้ารับตำแหน่ง ‘ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร’(ธ.ก.ส.) อย่างเป็นทางการ

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธ.ก.ส.คนใหม่ ตั้งโต๊ะแถลงแผนการดำเนินงาน ทิศทาง และนโยบายที่จะขับเคลื่อน เส้นทางนับจากนี้อีก 4 ปี

เปิดยุทธศาสตร์ ธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ - ธ.ก.ส.ใช้เทคโนโลยีเสริมแกร่งเกษตรกร : รายงานพิเศษเศรษฐกิจ

เป็นเส้นทางที่เน้นดูแลยกระดับเกษตรกรไทยไปอีกขั้น

“ธ.ก.ส.ยังคงมุ่งไปสู่วิสัยทัศน์ที่ธนาคารวางไว้คือเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน มุ่งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคน ในชนบท แต่จะปรับวิธีหรือกระบวนการทำงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการดูแลเกษตรกรลูกค้าให้สามารถยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน”

นายธนารัตน์กล่าวและว่า ในปี 2564 ภาพรวมการให้สินเชื่อต้องมุ่งตอบโจทย์สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ผ่านมาตรการสนับสนุนด้านสินเชื่อ

โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ (New Gen/Smart Farmer/Entrepreneur) ที่มีทักษะความรู้ ความสามารถด้านเทคโนโลยี การบริหารจัดการด้านการตลาด ให้เข้ามาต่อยอดในการเพิ่มมูลค่าผลผลิต และสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน

ขณะเดียวกันต้องเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรที่มีภาระหนักด้านหนี้สิน กำหนดให้พนักงานสาขาเข้าไปพบลูกค้าทุกรายเพื่อตรวจสุขภาพหนี้ และประเมินศักยภาพ (Loan Review)

หากพบว่าลูกค้ายังมีศักยภาพจะแนะนำให้ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้น หรือชำระหนี้ให้สอดคล้องกับที่มาของรายได้

กรณีลูกค้าไม่มีศักยภาพจะปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (Loan Management) ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูอาชีพให้กับลูกค้า เพื่อสร้างที่มาแห่งรายได้หรือเพิ่มเติมทุนใหม่ต่อไป

 

ด้านการขับเคลื่อนงานพัฒนาชนบท มุ่งสร้างการมีส่วนร่วมในชุมชน (Community Engagement) ให้สามารถพึ่งตนเองได้ทางเศรษฐกิจ เน้นดูแลรักษาสุขภาพในครัวเรือนและชุมชน การรวมกลุ่มวิเคราะห์ปัญหา สร้างทางเลือกและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด

จัดการด้านการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การดำรงรักษาวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับชุมชน

เปิดยุทธศาสตร์ ธนารัตน์ งามวลัยรัตน์

เน้นความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนในการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค การเพิ่มมูลค่าผลผลิต และการบริหารจัดการทางการตลาด

เช่น การเชื่อมโยงตลาด Social Commerce การส่งเสริมระบบการตรวจสอบย้อนกลับในสินค้าเกษตรอินทรีย์ ตลอดห่วงโซ่คุณค่าบนระบบ Blockchain

การพัฒนาสินค้าเกษตรสู่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมาตรฐานการส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร และส่งเสริมกิจกรรมการลดก๊าซเรือนกระจกให้กับชุมชนธนาคารต้นไม้ของธ.ก.ส. รวมถึงสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่เข้าไปสร้างองค์ความรู้ เพื่อต่อยอดผลผลิต สร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชน เป็นต้น

โครงการที่ดำเนินการถือเป็น ส่วนหนึ่งในการสร้างตาข่ายความปลอดภัยทางสังคม (Social Safety Net) ที่จะเข้าไปดูแลและสร้างภูมิคุ้มกันให้เกษตรกรและชุมชนมีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างมีคุณภาพ

 

นายธนารัตน์กล่าวอีกว่า ทิศทางของธ.ก.ส.มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลง โดยนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนการดำเนินงานของธนาคาร (Digital Workplace) การนำ Fin Tech มาใช้ผ่าน Digital Banking บริการทางการเงินที่ทันสมัย รวดเร็ว สะดวกสบาย ช่วยลดต้นทุนและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

เช่น การรับชำระเงินด้วย QR Code ผ่าน Alipay ผ่านแอพพลิเคชั่นร้านน้องหอมจัง ซึ่งเป็นการเชื่อมระบบการชำระเงินกับต่างประเทศ ช่วยอำนวยความสะดวกในการชำระเงินให้กับลูกค้า

โครงการ ATM White Label ระบบเอทีเอ็มกลาง ที่รับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของทุกธนาคาร ช่วยให้ผู้บริโภค เข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างสะดวกและไม่ต้อง เสียค่าธรรมเนียม

การสร้างเครือข่ายทางการเงิน (Banking Agent) ร่วมกับเคาน์เตอร์เซอร์วิส ไปรษณีย์ไทย ตู้บุญเติมและตู้เติมสบาย เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการทำธุรกรรมกับธ.ก.ส.มากยิ่งขึ้น

เปิดยุทธศาสตร์ ธนารัตน์ งามวลัยรัตน์

รวมถึงการบริหารจัดการข้อมูล (Data Governance) เพื่อรองรับการดำเนินงานและสร้างโอกาสการแข่งขัน การเชื่อมโยงกับผู้ให้บริการอื่น (open API)

ที่สำคัญคือการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะและความสามารถตรงกับงานที่รับผิดชอบ โดยปรับปรุงกระบวนการทำงาน เพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการและให้บริการ พร้อมทั้งลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน

ผู้จัดการธ.ก.ส.กล่าวว่า ในปี 2563 ธนาคารออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่านการพักหนี้ทั้งระบบจำนวน 3.25 ล้านราย เงินต้นประมาณ 1.07 ล้านล้านบาท

การเติมวงเงินสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและเสริมสภาพคล่อง กระตุ้นการใช้จ่าย การลงทุน ทำให้ระบบเศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียน เช่น เงินกู้ฉุกเฉิน ที่ไม่ต้องใช้หลักประกันวงเงิน 20,000 ล้านบาท

สินเชื่อ New Gen Hug บ้านเกิด สินเชื่อพอเพียงเพื่อเลี้ยงชีพ สินเชื่อเพื่อฤดูการผลิตใหม่ วงเงินรวม 170,000 ล้านบาท

จัดทำโครงการชำระดีมีคืนและโครงการลดภาระ ซึ่งทั้ง 2 โครงการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องดอกเบี้ย โดยสามารถคืนเงินเข้าสู่กระเป๋าเกษตรกรกว่า 1.6 ล้านราย วงเงินกว่า 3,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนนโยบายรัฐบาลส่งมอบเงินและความช่วยเหลือไปยังเกษตรกร และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เช่น การจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกร 5,000 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือน ผู้พิทักษ์สิทธิ์ เราไม่ทิ้งกัน การจ่ายเงินตามโครงการประกันรายได้ 5 พืชเศรษฐกิจหลัก เป็นต้น

มาตรการพักหนี้ของธ.ก.ส.จะครบกำหนดในเดือนมี.ค. 2565 โดยเป็นลูกค้ากว่า 2 ล้านราย คิดเป็นมูลหนี้กว่า 9 เเสนล้านบาท

จัดเกณฑ์ความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มลูกค้าของธนาคาร เเบ่งออกเป็นสีเขียว คือ ลูกหนี้ที่มีความสามารถชำระได้ตามปกติ สีเหลือง มีความสามารถในการชำระ เเต่ขอผ่อนผันตามฤดูกาลของผลผลิต เเละ สีเเดง คือ หนี้เสีย

ในกลุ่มสีเขียวเเละเหลืองรวมกันกว่า 1.7 ล้านราย มูลหนี้ 7 เเสนล้านบาท สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มสีเหลืองเเละสีเเดง ธนาคารสามารถออกมาตรการช่วยเหลือได้ทันที

สําหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของ ธ.ก.ส.ในปีบัญชี 2563 (เม.ย. 63-มี.ค. 64) ธนาคารมีสินทรัพย์ 2,039,144 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.10%

เงินให้สินเชื่อ 1,572,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.90% หนี้สิน 1,892,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.94% เงินรับฝาก 1,730,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.41%

มีรายได้จำนวน 103,171 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายจำนวน 95,987 ล้านบาท กำไรสุทธิจำนวน 7,184 ล้านบาท อัตราส่วน ROA อยู่ที่ 0.36% ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.09%

ขณะที่ Cost to income อยู่ที่ 32.25% และ BIS ratio อยู่ที่ 11.99% NPLs/Loan ratio 3.57%

ขณะที่ ในปีบัญชี 2564 (เม.ย.2564-31 มี.ค. 2565) ธ.ก.ส.วางเป้าหมายสินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้น 69,000 ล้านบาท เงินฝากเติบโตเพิ่มขึ้น 25,000 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าหนี้เสียจะอยู่ที่ 4.23%

นับเป็นอีกก้าวสำคัญภายใต้การกุมบังเหียนของนายธนารัตน์บนเส้นทางที่ท้าทาย ทั้งการรับมือวิกฤตผลกระทบลูกหนี้จากโควิด-19

รวมถึงการริเริ่มใช้เทคโนโลยียกเครื่องดูแลลูกค้าภาคการเกษตรที่จะต้องติดตามกันต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน