แบงก์ชาติ เผยคลินิกแก้หนี้ช่วยลูกค้า 99% ผ่อนต่อไหว ยอดหนี้รวม 4.6 พันล้านบาท เฉลี่ยเงินต้นรายละ 2.4 แสนบาท ส่วนอีก 1% ไม่จ่ายเลย

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2564 นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ประชุมเพื่อประเมินผลมาตรการช่วยเหลือในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.63 -มิ.ย.64) พบว่า ผลโดยรวมถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก โดยผลของมาตรการยา 2 สูตร เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ของโครงการคลินิกแก้หนี้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ สูตรจ่ายเท่าที่ไหว โดยผ่อนปรนและจูงใจให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามความสามารถ ยิ่งชำระมาก จะได้ส่วนลดดอกเบี้ยมากขึ้น ผลของยาสูตรจ่ายเท่าที่ไหวแสดงให้เห็นว่า การได้รับส่วนลดดอกเบี้ยเป็นแรงจูงใจที่สำคัญ ทำให้ลูกหนี้ยังคงพยายามชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง

โดยภาพรวมลูกหนี้ 99% ยังคงชำระค่างวดได้ โดยลูกหนี้จำนวน 14,044 ราย หรือคิดเป็น 77% ชำระหนี้เฉลี่ย 80% ขึ้นไป ของค่างวด ได้ส่วนลดดอกเบี้ย 2% และจำนวน 2,467 ราย หรือคิดเป็น 14% ชำระหนี้เฉลี่ย 40-79.99% ของค่างวด ได้ส่วนลดดอกเบี้ย 1% ส่วนจำนวน 1,520 ราย หรือคิดเป็น 8% ชำระค่าหนี้น้อยกว่า 40% ของค่างวด จะไม่ได้รับส่วนลดดอกเบี้ย และมีลูกหนี้ที่ใช้ยาสูตรจ่ายไม่ไหว ที่ไม่ชำระค่างวดเลยมีเพียง 192 รายเท่านั้น คิดเป็น 1%

“จุดเด่นของมาตรการยาสองสูตรที่ดำเนินการมาแล้ว ก็คือเป็นมาตรการที่ยึดความต้องการของลูกหนี้เป็นศูนย์กลาง ทำให้สามารถช่วยเหลือและตอบโจทย์ลูกหนี้ได้ตรงกับความต้องการควบคู่กับการใช้แรงจูงใจและกลไกตลาดในการแยกคนสองกลุ่มออกจากกัน ทำให้คลินิกแก้หนี้ลดภาระงานที่จะต้องประเมินลูกหนี้เป็นรายบุคคลไปมาก หากสถาบันการเงินนำกรอบความช่วยเหลือยาสองสูตรไปใช้ จะเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นางธัญญนิตย์ กล่าว

นอกจากนี้ ตามที่สถานการณ์โควิดระลอกที่ 3 ยังคงน่าเป็นห่วง และส่งผลกระทบต่อคนในวงกว้างคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้จึงเห็นชอบให้ขยายมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ต่อไปอีกจนถึง เดือน ธ.ค. 2564 โดยลูกหนี้สามารถชำระหนี้ตามความสามารถหรือจ่ายเท่าที่ไหว ซึ่งจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 1-2 % ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ชำระเข้ามาในช่วงเวลามาตรการ แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้ 1.รายที่จ่ายค่างวดเฉลี่ยตั้งแต่ 80% ขึ้นไป จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 2% และ 2. รายที่จ่ายค่างวดเฉลี่ยตั้งแต่ 40% แต่ไม่ถึง80% จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 1% โดยส่วนลดดอกเบี้ยที่คำนวณได้จะถูกนำไปตัดเงินต้นในเดือน ม.ค. 2565 ซึ่งจะทำให้หมดหนี้เร็วขึ้น

สำหรับมาตรการช่วยเหลือในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้ จะมีผลอัตโนมัติกับลูกหนี้ทุกรายและลูกหนี้ใหม่ในโครงการโดยไม่ต้องลงทะเบียนโดยที่ลูกหนี้ต้องชำระหนี้ต่อเนื่อง โดยลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ในช่วงนี้ สามารถขอผ่อนผันการชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขของโครงการ ซึ่งลูกหนี้ที่อยู่ในกลุ่มนี้ขอให้ติดต่อโครงการเพื่อสอบถามรายละเอียด ซึ่งผลการพิจารณาผ่อนผันขึ้นกับดุลพินิจของโครงการ

นอกจากนี้ คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ยังเห็นชอบให้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การสมัครเข้าโครงการ 2 ประการ คือ 1.เกณฑ์ด้านอายุ จากเดิมไม่เกิน 65 ปี เป็นไม่เกิน 70 ปี (เมื่อรวมระยะเวลาการปรับโครงสร้างหนี้) และ 2.ปรับอัตราดอกเบี้ยจากเดิม 4-7% เป็นอัตราเดียวที่ 5% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยในโครงการ การปรับหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยขยายความช่วยเหลือให้ลูกหนี้และช่วยให้การดำเนินการเร็วขึ้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564

อย่างไรก็ดี ในส่วนผลการดำเนินงานของโครงการคลินิกแก้หนี้สิ้นสุดเดือน มิ.ย. 2564 มีลูกหนี้เข้าโครงการ รวม 60,578 บัญชี ภาระหนี้เงินต้น 4,670 ล้านบาท โดยเฉลี่ยลูกหนี้ 1 ราย มีเจ้าหนี้ 3 ราย เฉลี่ยเงินต้น 244,444 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน