ส.อ.ท.ไม่กังวลล็อกดาวน์ ชี้เอกชนปรับตัวได้ไม่ส่งผลกระทบภาคอุตฯ จี้รัฐเร่งตรวจเชิงรุก -ห่วงคนไปนอนรอตรวจโควิด

ส.อ.ท.ไม่กังวลล็อกดาวน์ – นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท. ไม่มีความกังวลต่อประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขั้นสูงสุดล็อกดาวน์พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน เริ่มวันที่ 10 ก.ค. 2564 แต่อย่างใด โดยประเมินว่าไม่น่าส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและซัพพลายเชน เพราะกลุ่มนี้สามารถปรับเวลาในการขนส่งสินค้า และการล็อกดาวน์ที่ผ่านมาก็ไม่ได้จำกัดกลุ่มโลจิสติกส์แต่อย่างใด

โดยส่วนตัวเห็นว่ารัฐบาลควรที่จะใช้ช่วงจังหวะ เร่งตรวจเชิงรุกเพื่อตรวจหาคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่อย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว และเร่งควบคุมการแพร่ระบาดที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องวันละหลายพันคน ล่าสุดวันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็เพิ่มขึ้นมากที่สุดถึงกว่า 9,000 คน

“รัฐบาลต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ให้ได้เร็วที่สุด ต้องเร่งคัดกรอง คัดแยกกลุ่มเสี่ยงออกมาจากกลุ่มคนที่ยังไม่ติดเชื้อ เพราะถ้าปล่อยไว้นานจำนวนผู้ติดเชื้อก็ยิ่งจะเพิ่มยิ่งขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหนักมากขึ้น อีกทั้งการแพร่ระบาดรอบ 3 นี้ ผลกระทบหนักกว่ารอบที่ผ่านๆ มา และภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลจัดการควบคุมการแพร่ระบาดให้จบโดยเร็วที่สุด”

นอกจากนี้ ส.อ.ท. มีความกังวลใจและไม่สบายใจที่เกี่ยวกับภาพข่าวที่เผยแพร่ออกไปเกี่ยวกับกลุ่มคนที่ไปรอรับการตรวจหาเชื้อตามจุดต่างๆ ของกรุงเทพฯ หลายๆ แห่ง มีผู้คนไปนอนรับการตรวจต่อคิวตรวจแบบข้ามวันข้ามคืน เพราะห่วงว่าจะยิ่งเป็นการแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ส.อ.ท. จึงอยากเสนอให้รัฐบาลอนุมัติหรืออนุญาตให้มีการนำชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดแบบเร่งด่วน หรือ Rapid Antigen Test เข้ามาใช้ เพื่อลดความแออัดของคนที่ไปรอรับการตรวจ และจะทำให้การตรวจเข้าถึง ทั่วถึง ทุกกลุ่ม ทุกคนมากขึ้น

นายสุพันธุ์ กล่าวย้ำว่า รัฐบาลต้องเร่งจัดหาวัคซีนและระดมฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด เพราะเป็นทางรอดและทางเดียวของประเทศที่จะฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลยังฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันหมู่ยังไม่ถึงครึ่งทาง จึงต้องเร่งทำให้ได้ตามเป้าหมายโดยไว

ขณะเดียวกัน การล็อกดาวน์รอบนี้รัฐบาล ต้องเพิ่มมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบมากขึ้น เช่น เพิ่มระยะเวลาการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพิ่มมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการมากขึ้น เพื่อให้กลุ่มนี้สามารถรักษาอัตราการจ้างงานไว้ได้ รวมทั้งกลุ่มลูกจ้าง ซึ่งจะทำให้ผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์รอบนี้ไม่รุนแรงมาก

ในส่วนของ ส.อ.ท. ยังอยู่ระหว่างหารือถึงมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือกลุ่มบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือจากกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อให้ภาคธุรกิจทั้งหมดทุกขนาดธุรกิจรอดไปด้วยกันในภาวะที่โควิดยังส่งผลกระทบรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท. ชื่นชมกับนายกรัฐมนตรี ที่ไม่รับเงิน 3 เดือน และยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคนได้แสดงสปิริตด้วยการงดรับเงินเดือนเช่นเดียวกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน