นายชาติชาย สุทธาเวศ รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กล่าวว่า จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2562 มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.), สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ ETDA ดำเนินการออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศของไทย (Thailand National Digital Trade Platform : NDTP) ให้มีความสอดคล้องกับแพลตฟอร์มดิจิทัลกลางที่ สพร. กำหนด เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกันได้อย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรมนั้น ETDA ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (คธอ.) ที่ทำหน้าที่ในการผลักดัน (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2564-2565 เพื่อเป็นกรอบแนวทางปฏิบัติและการสร้างความร่วมมือในการส่งเสริมให้ประเทศ มีสภาพแวดล้อม ที่เอื้อต่อการ ทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกที่ ทุกเวลา สู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอนาคตนั้น จึงได้นำเรื่องการพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศ หรือ NDTP มาเป็นอีกงานสำคัญที่ต้องถูกขับเคลื่อนภายใต้ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์ฯ ในโปรแกรมที่ 2 Thailand’s Digital Services & Cross Digital Platform Standard ที่มีเป้าหมายผลักดันให้บริการดิจิทัลของรัฐและเอกชนมีความน่าเชื่อถือ มั่นคงปลอดภัย เกิดการเชื่อมโยงข้อมูล ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ยกระดับแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เชื่อมโยงกันในทุกมิติ (Cross Digital Platform) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ซึ่งล่าสุด ETDA ก็ได้เปิดเวทีจัดประชุมในรูปแบบ Focus Group ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สำนักงาน ก.พ.ร., สำนักงาน ป.ย.ป., กกร., ธนาคารแห่งประเทศไทย, กรมศุลกากร และบริษัทเบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด เป็นต้น เพื่อระดมความคิดเห็น หารือถึงแนวทางความร่วมมือ วิเคราะห์และทำความเข้าใจร่วมกันว่า ในการดำเนินงานตาม (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์ฯ ของ ETDA ว่ามีส่วนไหนที่จะสามารถเข้าไปสนับสนุน ส่งเสริม ให้แผน NDTP ของไทยให้เดินหน้าไปต่อได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่จะทำให้ดัชนีความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศ หรือ Ease of Doing Business อยู่ในอันดับดีขึ้น เป็นไปตามเป้าหมายที่ว่าจะต้องติด Top 20 ในปี 2565

ซึ่งจากการ Focus Group จะเห็นว่า NDTP คือแพลตฟอร์มกลางของการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการค้าระหว่างธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) ที่มีการบูรณาการในการเชื่อมโยงข้อมูลด้านการค้าระหว่างกัน เพื่อลดตุ้นทุน กระบวนการนำเข้าส่งออก (แบบไร้กระดาษ) รวมถึงการเอื้อต่อ SMEs ในการเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งที่ผ่านมา NDTP ได้มีการเชื่อมโยงกับระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ (G2G, G2B และ B2B) สำหรับการนำเข้า ส่งออก ที่รองรับการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประเทศ หรือ National Single Window (NSW) ของกรมศุลกากร รวมถึงแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลของต่างประเทศ เช่น ประเทศเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์และมีแนวโน้มที่จะเชื่อมต่อกับ ASEAN Single Window ในอนาคตด้วย ดังนั้น ในที่ประชุมจึงมองว่า ในการขับเคลื่อน (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์ฯ ฉบับนี้ จะช่วยเข้ามาส่งเสริมให้เกิด ecosystem ที่มีมาตรฐานร่วมกัน สามารถแลกเปลี่ยนเอกสารและข้อมูลทางการค้าต่างๆ ข้ามแพลตฟอร์มระหว่างประเทศได้ และต้องเร่งผลักดันในเรื่องการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) ทั้งในบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพราะเรื่องดังกล่าวคือโครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนาสถาปัตยกรรมระบบ (System Architecture) และเทคโนโลยีที่จะเชื่อมโยง NDTP กับระบบ NSW และระบบอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยจูงใจให้ผู้นำเข้า-ส่งออกทำการค้าบน NDTP ด้วย นอกจากนี้ เราจะพบว่า ในต่างประเทศ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศให้เข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น จึงทำให้ไทยต้องเร่งพัฒนาระบบ NDTP ประกอบกับปัจจุบันเราเริ่มมีการใช้งาน Digital ID และการลงลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) แล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเดินหน้าพัฒนามาตรฐาน กฎหมาย ให้ครอบคลุมเพื่อนำไปสู่การเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศคู่ค้าในทุกด้าน ทั้ง ด้านการชำระเงิน ระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) และการรับ-ส่งเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล เป็นต้น

ทั้งนี้ การจัดประชุมดังกล่าว เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนงาน (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์ฯ ที่ไม่เพียงหาความเชื่อมโยงแนวทางการสนับสนุนระหว่าง (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์ฯ กับ NDTP เท่านั้น แต่ยังเป็นการติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงานในภาพรวมของแผนที่เชื่อมโยงในส่วนของงานสำคัญอื่นๆ ด้วย ซึ่ง ETDA จะมีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ขึ้นอีก ภายในเดือนสิงหาคม 2565 นี้ เพื่อติดตามและประเมินความสำเร็จของการดำเนินงานในการขับเคลื่อนการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคและจัดทำ Problem statement สู่การกำหนดแผนส่งเสริมการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ในภาพรวมที่สอดคล้องกับสถานการณ์ประเทศและของโลกในอนาคตต่อไป โดยติดตามรายละเอียดความคืบหน้าของการดำเนินงานได้ที่เว็บไซต์ www.etda.or.th และเพจเฟซบุ๊ก ETDA Thailand

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน