รายงานพิเศษ – เจาะลึก‘ยักษ์อสังหาฯ’เมืองไทย แห่เปิดโครงการ-ชิงเค้กครึ่งปีหลัง

แม้ปัญหา ‘โควิด’ ยังลุกลามหนักและไม่มีทีท่าจะจบลงง่ายๆ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในหลากหลายวงการ

ทว่าอสังหาริมทรัพย์ หากดูผลประกอบการ 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ยักษ์ใหญ่หลายรายถือว่าแทบไม่ได้ผลกระทบ หรือโดนก็น้อยมาก

ขณะเดียวกันหลายบริษัท ได้อานิสงส์จาก ‘เวิร์กฟรอมโฮม’ ที่คนรุ่นใหม่หรือที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียม ให้ความสนใจมาที่บ้าน แนวราบ เพราะต้องการพื้นที่เป็นส่วนตัวให้กับคนในบ้านมากขึ้น

ทำให้ค่ายอสังหาริมทรัพย์ยังเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง

 

ค่ายพฤกษา ที่โตมาจากทาวน์เฮาส์ราคาถูกก่อนเริ่มขยายไปยังคอนโดมิเนียมและบ้านที่หรูหรามากขึ้น

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ระบุว่าที่อยู่อาศัยยังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยดูได้จากยอดการค้นหาข้อมูลโครงการผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น 30-40%

นายปิยะ ประยงค์

ส่วนหนึ่งเพราะคนอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้มีความคิดที่จะขยับขยายบ้านใหม่ โดยเฉพาะคนรายได้ 30,000-100,000 บาท/เดือน พบว่ามีอัตราการเข้ามาดูโครงการกันมากขึ้น

ครึ่งปีหลังนอกจากเตรียมทยอยโอนคอนโดมิเนียมที่กำลังทยอยสร้างเสร็จรวม 7 โครงการ มูลค่ารวม 8-9 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ยที่ 80% แล้ว แผนเปิดตัวโครงการใหม่ช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงเป็นไปตามแผนเดิมที่จะเปิดทั้งหมด 17 โครงการ

แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 7 โครงการ ระดับราคา 2-3 ล้านบาท รองรับกลุ่มลูกค้าเงินเดือน 30,000-50,000 บาท

บ้านเดี่ยว ระดับราคา 5-10 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายรายได้ 50,000-100,000 บาท

และคอนโดมิเนียม ระดับราคา 2-5 ล้านบาท

รวมถึงยังคงเป้าหมายยอดขายปีนี้ไว้ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท ภายใต้แผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้ทั้งหมด 29 โครงการและมียอดขายเติบโต 45% จากปีก่อน ส่วนเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 9% จากปีก่อน

 

นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่าปรับแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้จาก 17 โครงการ 15,700 ล้านบาท เป็น 18 โครงการ รวมมูลค่า 16,764 ล้านบาท

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์

เลื่อนการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแนวสูงกลุ่มเป้าหมายตลาดบนออกไปก่อน และหันมาโฟกัสโครงการ ‘เสนาคิทท์’ เปิดใหม่อีก 8 โครงการ มูลค่ารวม 3.7 พันล้านบาท จุดเด่นเป็นคอนโดฯ 8 ชั้น ราคาต่ำล้าน ใกล้แหล่งงานหรือนิคมอุตสาหกรรม ในปริมณฑลของกรุงเทพฯ รองรับกลุ่มเป้าหมายวัยเพิ่งเริ่มทำงาน

 

นายมนาเทศ อันนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) ช่วงครึ่งปีหลังเดินหน้าเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องอีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท

มนาเทศ อันนวัฒน์

ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมระดับอัลตรา ลักชัวรี่ ทำเลสุขุมวิท 38 ซึ่งร่วมทุนกับโตเกียว ทาเทโมโนะ ประเทศญี่ปุ่น และทำเลพร้อมพงษ์ ใกล้ทองหล่อ

ส่วนอีกโครงการเป็น โอเชี่ยนฟร้อนท์ ลักชัวรี่ วิลล่า จ.ภูเก็ต

ขณะเดียวกันยังมีอีก 2 โครงการเทตต์ ทเวลฟ์ สาทร 12 คอนโดมิเนียมสูง 40 ชั้น มูลค่า 4.3 พันล้าน ยอดขายปัจจุบัน 75% และ โครงการดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม บนสุขุมวิท 26 ซึ่งร่วมทุนกับโตเกียว ทาเทโมโนะ ประเทศญี่ปุ่น

 

ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วางเป้าหมายยอดขายและยอดโอนไว้ที่ 31,000 ล้านบาท จากการเปิดตัว 24 โครงการ มูลค่ารวม 22,000 ล้านบาท

เศรษฐา ทวีสิน

ไตรมาส 3 มีแผนเปิดตัว 9 โครงการใหม่ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ และบ้านแนวราบ 7 โครงการ

นอกจากนี้ไตรมาส 4 ยังวางแผนเปิดอีก 11 โครงการใหม่ เป็นบ้านแนวราบ 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ กระจายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ เชียงใหม่

รวมถึงการโอนคอนโดมิเนียม โครงการเอดจ์ เซ็นทรัล-พัทยา พร้อมกับเตรียมรองรับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นจากการเปิดประเทศ ด้วยการนำร่องเปิดตัวคอนโดมิเนียม เดอะ มูฟ ราม 22 และบางนา

สำหรับตลาดต่างชาติ เมื่อเปิดประเทศในไตรมาส 4 โดยเชื่อว่าการเปิดตัว 5 คอนโดมิเนียมใหม่ในไตรมาส 4 ที่วางแผนเปิดตัว รวมทั้งโครงการเอดจ์ เซ็นทรัล-พัทยา ที่กำลังจะโอน จะได้รับความสนใจจากต่างชาติอย่างมาก

 

นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่าในปีนี้จะสามารถเปิดโครงการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 11 โครงการ มูลค่ารวม 45,100 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ 25,000 ล้านบาท และบ้านแนวราบ 7 โครงการ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท

ธงชัย บุศราพันธ์

โดยเลื่อนเปิด 2 โครงการ ที่ร่วมทุนกับฮ่องกง แลนด์ มูลค่ารวม 12,600 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ ดิ เอ็มบาสซี่ แอท ไวร์เลส มูลค่า 10,700 ล้านบาท และโครงการ นิว โนเบิล ดอนเมือง มูลค่า 1,900 ล้านบาท

เนื่องจากต้องการรอสัญญาณการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย และหากสถานการณ์กระเตื้องขึ้น บริษัทพร้อมเปิดการขายได้ทันทีเนื่องจากได้มีการลงทุนสร้างสำนักงานขายเรียบร้อยแล้ว

 

ด้าน นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าโครงการใหม่ในปีนี้ ไตรมาสแรกมีการเปิดโครงการเคฟ ศาลายา และยังเตรียมเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง ทั้งแนวราบและแนวสูง มูลค่าโครงการรวม 9,700 ล้านบาท

กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์

โดยไตรมาส 2 เปิดโครงการแอทโมซ บางนา มูลค่า 2,200 ล้านบาท

ส่วนช่วงครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดโครงการ เคฟ เอวา มูลค่า 2,400 ล้านบาท, โครงการโมดิซ ไรห์ม คลาวด์ มูลค่า 3,700 ล้านบาท, โครงการโมดิซ ศรีราชา มูลค่า 1,300 ล้านบาท และโครงการบ้านภูริปุรี ลาดพร้าว 41 โฮมออฟฟิศ มูลค่า 87 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอนกว่า 7,500 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีหลังจะมีโครงการเคฟ ทียู และโมดิซ สุขุมวิท 50 มูลค่ารวม 3.9 พันล้านบาท จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ปีนี้

 

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าครึ่งปีหลังยังเป็นไปตามแผนเดิมเปิด 10 โครงการใหม่ และยังมั่นใจว่าความต้องการบ้านยังมีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีความท้าทายจากเรื่องการอนุมัติสินเชื่อบ้านจากธนาคารก็ตาม แต่จะโฟกัสทำเลที่มีความต้องการซื้อ และราคาที่เข้าถึงได้ง่าย

ธนพล ศิริธนชัย

บริษัทมองว่ากลุ่มกำลังซื้อระดับกลาง-กลางบน ยังเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ ได้รับผล กระทบจากการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารน้อยกว่า ถือเป็นโอกาสของบริษัทในการพัฒนาโครงการบ้านในระดับราคาที่สูงขึ้น ทั้งในกลุ่มบ้านแฝด และบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น

เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ากลุ่ม เป้าหมายดังกล่าวในทำเลที่ดี ประกอบนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำอีกระยะหนึ่งของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะช่วยจูงใจให้ตัดสินใจซื้อบ้านได้ไม่ยาก ภายใต้ โปรโมชั่นคุ้มค่าคุ้มราคาในขณะนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน