นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการเมด อิน ไทยแลนด์ (Made in Thailand) ว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ส.อ.ท. ได้เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนสินค้า Made in Thailand ให้กับผู้ประกอบการแล้วกว่า 2,000 ราย โดยล่าสุดข้อมูลจากกรมบัญชีกลางพบว่ามีผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกว่า 52% สามารถยื่นเสนองานต่อภาครัฐได้แล้วคิดเป็นมูลค่ากว่า 68,000 ล้านบาท ครอบคลุมสินค้าหลากหลายทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่รวมไปถึงผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จากเม็ดเงินการจัดจ้างภาครัฐที่มีมากกว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี

“คาดว่าสิ้นปี 2564 จะมีผู้ประกอบการเข้ามาลงทะเบียนกว่า 5,000 ราย มีจำนวนสินค้ากว่า 50,000 รายการ คาดจะมีมูลค่าการค้ากว่า 100,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมามีสินค้าที่มาขึ้นทะเบียนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. อุปกรณ์งานก่อสร้าง 2. ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 3. เครื่องปรับอากาศ 4. สินค้าและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และ 5. สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม

ทั้งนี้ เป็นผลจากที่ ส.อ.ท. กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมผลักดันการปรับกฎระเบียบเอื้อประโยชน์กับผู้ประกอบการในประเทศไทยให้สามารถเข้าถึงเม็ดเงินการจัดจ้างภาครัฐที่มีกำลังซื้อเพียงพอที่จะช่วยเหลือภาคธุรกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อชดเชยการพึ่งพาตลาดในประเทศเป็นหลัก เพราะยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้กำลังซื้อในประเทศลดลงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างรุนแรง

นางพิมพ์ใจ ลี้อิสระนุกูล รองประธานส.อ.ท. และประธานสายงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ในฐานะผู้รับผิดชอบงาน MiT ของส.อ.ท. กล่าวว่า ส.อ.ท. จะหารือกับภาคเอกชนรายอื่นให้ช่วยสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย, สมาคมค้าปลีกไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ รวมทั้งจะร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สร้างโอกาสทางการค้าในต่างประเทศ นำร่องกลุ่มเอสเอ็มอีเจรจาธุรกิจที่ตลาดบาห์เรน, ตลาดอินเดียและตลาดจีน ที่นิยมสินค้าไทยอยู่ระดับหนึ่งแล้ว

นางพิมพ์ใจ ลี้อิสระนุกูล

“หลังจากนี้ ส.อ.ท. จะผลักดันโอกาสทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น หากสินค้าได้รับการรับรอง MiT ก็ยังจะสร้างความน่าเชื่อถือและมั่นใจให้กับคู่ค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรอง MiT ก็จะได้เปรียบคู่แข่งขันรายอื่นแน่นอน”

นอกเหนือจากปัจจุบัน ได้ร่วมกับพันธมิตรค้าปลีกและค้าส่งรายใหญ่ให้การสนับสนุน เช่น กลุ่มเซ็นทรัลกรุ๊ป ที่กำลังผลักดันผู้ค้าในเครือข่ายมาขึ้นทะเบียน MiT โดยกลุ่มบริษัทในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เช่น ไทวัสดุ บีทูเอส และ ออฟฟิศเมท ได้เข้ามาเจรจาธุรกิจกับเอสเอ็มอีที่ขึ้นทะเบียน MiT เพิ่มเติมด้วย เพื่อขยายตลาดเข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ และโอกาสการค้าในรูปแบบหน่วยงานธุรกิจกับหน่วยธุรกิจ (บีทูบี) และโอกาสการค้ากับผู้บริโภคโดยตรง (บีทูซี) ทั้งในและต่างประเทศ สร้างรายได้ทั้งซัพพลายเชนสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 ได้ สนใจสามารถขึ้นทะเบียนสินค้า MiT ได้ที่ www.mit,or,th สอบถามโทร. 0-2345-1109 และ 0-2345-1100 หรือ Line : @mitofficial

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน