ก.พาณิชย์แถลงส.ค.ยอดส่งออกพุ่ง เกือบ 9% คาดทั้งปีส่งออกขยายตัวเกินเป้า 4% แน่ เน้นทูตพาณิชย์เป็นเซลล์แมนประเทศ รู้สินค้าช่องทางเป็นอย่างดี

วันที่ 24 ก.ย.2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกเดือนส.ค. +8.93% ถ้าหักยุทธปัจจัย ทองคำและน้ำมัน จะเหลือภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงจะ +19.43% มูลค่าการส่งออก 715,416.40 ล้านบาท หรือ 21,976.23 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้คาดว่าการส่งออกที่เหลือในปี 2564 มีการประเมินว่ายังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง แม้การขยายตัวอาจจะชะลอตัวลง เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานเริ่มปรับตัวสูงจากในช่วงปลายปีที่แล้วอุปสงค์จากต่างประเทศ มีทิศทางฟื้นตัวดีมาก

จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกประเทศคู่ค้าสำคัญกิจกรรมต่างๆ เปิดล็อกดาวน์ คลายล็อกดาวน์เริ่มกลับสู่สภาวะปกติแล้ว การส่งออกทั้งปีของปี 2564 น่าจะขยายตัว เกินเป้าหมายที่ 4% อย่างแน่นอน

โดยตัวเลข 8 เดือน ตั้งแต่เดือนเดือนม.ค.-ส.ค. +15.25% มูลค่า 5,441,613.75 ล้านบาท เกินกว่าเป้าที่กำหนดไว้ที่ 4% ถ้ารวม 8 เดือน หักน้ำมัน ทองคำและยุทธปัจจัย +21.22% ขณะที่ประเทศเวียดนามซึ่งตัวเลขส่งออกดีมาโดยลำดับ เดือนส.ค.ติดลบ 1.7% เพราะสถานการณ์โควิด-19

สำหรับกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร +23.6% มูลค่า 126,425.6 ล้านบาท โดยสินค้าเกษตรแต่ละตัว ผลิตภัณฑ์ยาง +98.8% +11 เดือนต่อเนื่อง ผลไม้สด แช่แข็งและแปรรูป +84.8% ถือว่า บวก 5 เดือนต่อเนื่อง

ด้านน้ำมันปาล์ม +51.0% บวก 6 เดือนต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง +48.4% บวก 10 เดือนต่อเนื่อง ข้าว +25.4% ซึ่งข้าวกลับมาบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนของปีนี้ อาหารสัตว์เลี้ยง +17.3% บวก 24 เดือนหรือ 2 ปีต่อเนื่อง

สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม +3.3% รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบส.ค. +17.8% รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ +44.3% เครื่องคอมพิวเตอร์ +10.5% อัญมณีเครื่องประดับ +35.7% เป็นมูลค่า 556,700.9 ล้านบาท ในตลาดสำคัญถือว่าขยายตัวเกือบทุกตลาดยกเว้น 3 ตลาด 1.ออสเตรเลีย เดือนที่ผ่านมาไม่ขยายตัว และตลาดสหราชอาณาจักรและกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนามไม่ขยายตัว

ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการส่งออกเดือนส.ค.ของไทยยังเป็นบวก ปัจจัยแรก คือ มาตรการการแก้ปัญหาเชิงรุกและต่อเนื่องของ กรอ.พาณิชย์ หรือคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนกระทรวงพาณิชย์

ปัจจัยที่สอง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งอังค์ถัดได้ประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจโลกในปี 2564 ว่าจะโตเร็วที่สุดในรอบ 5 ทศวรรษ หรือ 50 ปี จะเป็นปัจจัยบวกกับทุกประเทศในโลก จะโตมากในตลาดสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป เป็นต้น

ปัจจัยที่สาม ดัชนี PMI ซึ่งเป็นดัชนีของผู้จัดซื้อทางภาคการผลิตรวมของโลก มากกว่า 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 แปลว่าพร้อมซื้อและมีสัญญาณดีมานด์ ปัจจัยที่สี่ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกด้านราคาของไทยสูงขึ้น ขายสินค้าได้มากขึ้น

นอกจากนี้นายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่าได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ทำหน้าที่เซลล์แมนประเทศและมีตัวชี้วัดในการเจาะตลาดชัดเจน โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมีเงื่อนไขต้องทำอะไรบ้างเพื่อชี้วัดประสิทธิภาพประสิทธิผล การทำงานของทีมเซลล์แมนประเทศ และแผนงานส่งเสริมการส่งออกมีความชัดเจนปี 2564 กำหนดตั้งแต่ต้นปีว่า 200 กว่ากิจกรรมอยู่ที่ประเทศใดบ้าง ทูตพาณิชย์รับทราบหมดแล้ว ว่ามีหน้าที่ต้องไปทำอะไรอย่างไรที่ไหน

สำหรับการนำเข้าในเดือนสิงหาคม มีมูลค่า 23,191.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 47.92% โดยการนำเข้าในเดือนสิงหาคมขยายตัวอยู่ในระดับสองหลัก จากการนำเข้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป มีมูลค่าสูงขยายตัวถึง 65.73% การนำเข้าสินค้าทุนขยายตัว 23.82%

โดยสาเหตุของการขยายตัวมี 2 ปัจจัยสำคัญคือ 1.การฟื้นตัวของภาคการผลิต เพื่อการผลิตและส่งออก 2.ราคาสินค้าวัตถุดิบยังขยายตัวสูงขึ้นตามความต้องการใช้สินค้าทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งน้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลเพื่อมาใช้ในการขยายตัวของภาคการผลิต

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน