นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวในโอกาสนำคณะผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ที่วัดโตนด ต.ดาวเรือง อ.เมือง จ.สระบุรี ว่า เบื้องต้นคาดการณ์สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่น่าจะเกินความคาดหมาย อยู่ระหว่างประเมินผลกระทบและความเสียหาย
โดยเชื่อมั่นในการทำงานของกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้เตรียมงบประมาณแก้ปัญหาน้ำไว้เป็นประจำทุกปีอยู่แล้วไม่ว่าจะน้ำท่วมหรือน้ำแล้ง แต่ยังต้องติดตามรายงานสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้รัฐมนตรี และ ส.ส. ทุกคนติดตามสถานการณ์แก้ปัญหาน้ำท่วม พร้อมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง”
นอกจากนี้ ยังให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ หรือสศช.) และกระทรวงการคลัง หารือถึงมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังน้ำท่วมและหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ว่าจะมีแนวทางอย่างไร ซึ่งต้องดูให้สอดคล้องกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย ขณะเดียวกัน ภาครัฐพร้อมสนับสนุนนโยบายเปิดเมืองในพื้นที่ต่างๆ ให้มีความเหมาะสม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละจังหวัดว่าจะเปิดเมืองในรูปแบบ หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติอย่างไร เพื่อเป็นกติกาในการดูแลนักท่องเที่ยวและคนพื้นที่ให้อยู่ร่วมกันได้
สำหรับการลงพื้นที่วัดโตนด ต.ดาวเรือง อ.เมือง จ.สระบุรี ครั้งนี้ได้ร่วมกับ ปตท. ส่งมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัย เพราะถือเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เนื่องจากมีระดับน้ำท่วมที่ค่อนข้างสูง จากการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ “เตี้ยนหมู่” โดยมีพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งหมด 11 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองสระบุรี เสาให้ บ้านหมอเฉลิมพระเกียรติ วิหารแดง ดอนพุด หนองโดน หนองแซง วังม่วง แก่งคอยและมวกเหล็ก
โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมีทั้งเป็นบ้านเรือนประชาชน พื้นที่ทำกิน เช่น พื้นที่ทำการเกษตร การประมง ซึ่งได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการเร่งสำรวจความเสียหายและเข้าให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูพื้นที่ประกอบอาชีพอย่างเร่งด่วน