คลังหัวหมุนหาเงินจ่ายประกันราคาข้าว รมว.คลัง เผย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มอบหมายให้ไปหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ เพื่อหาแหล่งเงินมาใช้ในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ฤดูกาลผลิต 2564/65

วันที่ 9 พ.ย.2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ เพื่อหาแหล่งเงินมาใช้ในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ฤดูกาลผลิต 2564/65 ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมา จำนวน 89,306 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณก้อนแรก จำนวน 13,000 ล้านบา โดยยังเหลือภาระที่ต้องเร่งหางบประมาณมาใช้ในโครงการอีก 76,000 ล้านบาท

” ส่วนข้อเสนอให้มีการขยับเพดานการใช้เงินผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐและหน่วยงานอื่น ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 30% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือ 930,000 ล้านบาทนั้น เรื่องนี้คงต้องไปหารือกับสำนักงบประมาณ รวมถึงดูในรายละเอียดก่อน

รมว.คลัง

ต้องไปคุยกับสำนักงบประมาณก่อน ดูรายละเอียดร่วมกันเกี่ยวกับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการว่ามีแหล่งเงินจากตรงไหนบ้าง งบกลางก็ต้องดูด้วย ตอนนี้คงยังบอกอะไรไม่ได้ ต้องคุยกันก่อนถึงจะสรุปได้ ขณะนี้ยังต้องใช้เงินอีกราว 76,000 ล้านบาทเพื่อจ่ายให้เกษตรกร การจ่ายเงินก็จะทยอยจ่ายเป็นงวดๆ ตามผลผลิตที่จะออกมาประมาณ 2-3 เดือนนี้ หรือในช่วง พ.ย. 2564 – ม.ค. 2565 ”

นายอาคม กล่าวต่อว่า การกำหนดราคาประกันราคาข้าวนั้น กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดูแล และเห็นว่าอัตราที่กำหนดปัจจุบันมีความเหมาะสมอยู่แล้ว สำหรับกรณีข้อเรียกร้องให้มีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เพื่อพยุงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลนั้น ขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแลเรื่องนี้อยู่ ยืนยันว่ากองทุนยังสามารถดูแลได้

อย่างไรก็ดี พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 28 กำหนดไว้ว่า การใช้เงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่เพื่อการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไปก่อน จะต้องมีภาระรวมกันทั้งสิ้นไม่เกิน 30% ของงบประมาณรายจ่าย ซึ่งปัจจุบันใกล้ชนเพดานดังกล่าว หรือ ประมาณ 930,000 ล้านบาท เทียบกับวงเงินงบประมาณ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านบาท

ชาวนาปลูกข้าว

” ปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้การใช้เงินสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินชดเชยประกันรายได้เกษตรกรต่อไม่สามารถทำได้ รัฐบาลต้องแก้ปัญหา โดยการหาเงินงบประมาณส่วนอื่นเพื่อไปใช้หนี้กับ ธ.ก.ส. หรือ เป็นเงินให้ ธ.ก.ส.ใช้สำหรับการจ่ายชดเชยการประกันราคาพืชผลเกษตรกรที่จะมีต่อไปในอนาคต

โดยเฉพาะการจ่ายชดเชยเกษตรการชาวนาที่ได้ราคาข้าวตกต่ำ ทำให้ราคาขายได้ต่ำกว่าราคาที่รัฐบาลประกันไว้มาก นอกจากนี้ รัฐบาลยังสามารถแก้ปัญหาได้ โดยการแก้ไขกฎหมายขยายเพดานการใช้เงินจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อดำเนินนโยบายของรัฐให้มีสัดส่วนมากขึ้นกว่า 30% ของงบประมาณที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน เหมือนกับที่ผ่านมาได้มีการแก้ไขกรอบเพดานการก่อหนี้สาธารณะจาก 60% ของจีดีพี เป็น 70% ของจีดีพี ” รมว.คลัง ระบุ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน