ททท.ชี้สายพันธุ์ ‘โอไมครอน’ ยังไม่กระทบท่องเที่ยว เผยต่างชาติจองล่วงหน้าเพียบ คาดปีนี้ทะลัก 5 แสนคน เตรียมจัดเคานท์ดาวน์ 5 จังหวัด

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2564 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา สั่งให้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ “โอไมครอน” อย่างใกล้ชิด ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่ามีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่หรือไม่ ต้องขอติดตามสถานการณ์เพิ่มเติมอีก 2-3 วัน โดยเฉพาะมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของประเทศที่เป็นเป้าหมายทางการตลาด

นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณการชะลอตัวของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย ยกเว้นในบางประเทศของยุโรปที่มีการกลับมาระบาดซ้ำ โดยไม่เกี่ยวกับไวรัสกลายพันธุ์ “โอไมครอน” ทำให้เกิดความกังวลใจว่ารัฐบาลประเทศเขาอาจจะกลับมาล็อกดาวน์ อาจจะชะลอการเดินทางไปก่อน อย่างไรก็ตาม บางตลาดเป้าหมายหลัก เช่น เยอรมนี พบว่ายังมียอดการจองล่วงหน้าเดินทางมาไทยดีมาก

นายยุทธศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเป้าหมายที่ประกาศไว้ 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยประมาณ 6 แสนคน ล่าสุดข้อมูล ณ วันที่ 28 พ.ย.2564 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยระหว่างวันที่ 1-28 พ.ย. ตั้งแต่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศ 1 พ.ย. จำนวน 93,573 คน แม้ยังห่างเป้า แต่ยังไม่พบสัญญาณการชะลอหรือหยุดเดินทางเข้าไทย

“หลังจากดำเนินนโยบายเปิดประเทศ 1 พ.ย.2564 มาครบ 1 เดือน พบว่าผลตอบรับดี ปัจจุบันมีผู้ยื่นขอไทยแลนด์พาส มากกว่า 300,000 คนแล้ว เฉพาะเดือน พ.ย.นี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย 100,000 คน หลังจาก 10 เดือนแรกตั้งแต่ ม.ค.-ต.ค.ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยสะสมกว่า 100,000 คน จึงคาดว่าตลอดทั้งปีนี้น่าจะเห็นจำนวน 500,000 คน”

น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ด้านการดำเนินการจัดงานเคาน ท์ดาวน์ปี 2565 ททท.จะเป็นแม่งานร่วมกับภาคเอกชน กระจายพื้นที่จัดงานฯ ใน 5 จังหวัด 5 ภูมิภาค ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา เชียงใหม่ ภูเก็ต และชลบุรี ใช้งบฯ จัดงานรวมประมาณ 100-120 ล้านบาท ส่วนรายละเอียดของงานฯและประมาณการผู้เข้าร่วมงานนั้นต้องหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข เพิ่มเติม คาดได้ข้อสรุปสัปดาห์หน้า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน