น.ส. พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกในเดือนพ.ย. 2560 มีมูลค่า 21,435 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 13.4% จากปีที่แล้ว และถือเป็นการขยายตัวในระดับสองหลักต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 รวมส่งออก 11 เดือนของปีขยายตัว 10.0% รวมมูลค่า 216,953 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นอัตราสูงสุดในรอบ 6 ปี ส่วนปีนี้มั่นใจว่าการส่งออกทั้งปีจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หากฐานการส่งออกในช่วง 1 เดือนสุดท้าย คือ เดือนธ.ค.คิดเป็นมูลค่า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โอกาสเห็นตัวเลขส่งออกเป็น 2 หลักได้แน่นอน ทำให้มูลค่าการส่งออกทั้งปี 2560 จะอยู่ที่ 236,926 ล้านเหรียญสหรัฐ
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวอีกว่า ตัวเลขส่งออกขยายตัวในเดือนนี้เกิดจากสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ยังคงขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ที่ 19.2% โดยเฉพาะการส่งออกข้าวมีปริมาณส่งออก 1.5 ล้านตัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดังนั้น จึงมั่นใจว่าทั้งปีจะส่งออกข้าวได้เกิน 10-11 ล้านตันแน่นอน รวมทั้งยางพารา ผลไม้สดสดแช่แข็ง ไก่แข็งและแปรรูป และน้ำตาลที่มีการส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง รวม 11 เดือนขยายตัว 15.3% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมก็ขยายตัวในสองหลักต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และมูลค่าการส่งออกขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ที่ 13.3% โดยสินค้าที่สำคัญที่ขยายตัวคือผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ รวม 11 ขยายตัว 9.3%
ขณะที่ตลาดสำคัญก็ขยายตัวในทุกตลาด โดยการส่งออกไปตลาดหลักขยายตัว 8.7% ทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป รวมทั้งตลาดศักยภาพสูงก็ขยายตัวสูงถึง 18.1% เกิดจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดจีนและเอเชียใต้ รวมทั้งตลาดศักยภาพรองก็ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยขยายตัวถึง 15.6% ในทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา
ส่วนการนำเข้าเดือนพ.ย. 2560 มีมูลค่า 19,672 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 13.7% และ 11 เดือนแรกมีการนำเข้ารวม 202,744 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 14.5% ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนพ.ย. 2560 ไทยยังคงเกินดุล 1,763 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และระยะ 11 เดือนของปีนี้ไทยยังคงเกินดุล 14,209 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนแนวโน้มการส่งออกปี 2561 ยังเชื่อว่าจะขยายตัวได้ดีตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวชัดเจน โดยคาดว่าตัวเลขส่งออกปีหน้าจะขยายตัว 6-6.5% หรือเฉลี่ยต่อเดือน 20,833-21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยสมมติฐานจีดีพีโต 4% อัตราแลกเปลี่ยน 33-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมัน 50-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่สิ่งที่ต้องจับตา คือ โอกาสที่ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าตามนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของสหรัฐและความผันผวนราคาน้ำมัน แต่จะไม่ผันผวนมาก