ครม. ไฟเขียวเป้าเงินเฟ้อปี’65 อยู่ที่ 1-3% ตามที่คลังเสนอ หวังพยุงเศรษฐกิจฝ่าโควิด-19 ชี้อนาคตยังผันผวนจากราคาพลังงาน-อาหารสด

ครม. ไฟเขียวเป้าเงินเฟ้อ – นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเป้าหมายนโยบายการเงิน ประจำปี 2565 กำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1-3% ถือเป็นอัตราเดิมที่กำหนดไว้ในปี 2564 ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรมว.คลัง เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สร้างความมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถกลับเข้าสู่เป้าหมายของนโยบายการเงินควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพในระบบการเงินของประเทศ

รวมทั้งมีความยืดหยุ่นต่อเงื่อนไขของการดำเนินนโยบายการเงินและความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศด้วย โดยในที่ประชุมครม. กระทรวงการคลัง รายงานว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกและไทยได้รับผลกระทบอย่างมากทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีความยืดเยื้อ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อไทยในช่วงที่ผ่านมาและในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำใกล้เคียงกับขอบล่างของเป้าหมายนโยบายการเงิน

มีปัจจัยสำคัญคือ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงเป็นวงกว้างตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง อาจทำให้เศรษฐกิจในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่รายได้และกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในระดับต่ำจากตลาดแรงงานที่มีความเปราะบางตามการเพิ่มขึ้นของผู้ว่างงานทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันราคาสินค้าที่ปรับลดลงจากพฤติกรรมของผู้ผลิตและผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งจากการแข่งขันด้านราคาผ่านธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ และต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงจากการนำเครื่องจักรมาใช้ทดแทนแรงงานในกระบวนการผลิตมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อไทยในอนาคตอาจจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ทั้งความผันผวนของราคาพลังงาน และราคาอาหารสดด้วย

การกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปเป็นเป้าหมายที่ยังมีความเหมาะสมภายใต้เศรษฐกิจที่ยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าและในระยะปานกลางจะเคลื่อนไหวอยู่ใกล้เคียงกับเป้าหมายและไม่ได้ปรับลง สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ อีกทั้งการกำหนดเป้าหมายแบบช่วงที่มีความกว้าง 2% มีความยืดหยุ่นเพียงพอรองรับความผันผวนของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
รวมถึงช่วยเอื้อให้การดำเนินนโยบายการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่ไปกับการดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ รวมถึงการรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน ภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน