‘สุพันธุ์’ ประธานส.อ.ท. ติดโควิดโอมิครอน หลังเดินทางกลับจากสหรัฐ – ยอมรับห่วงฉุดศก.อีกระลอกเตรียมถก กกร. รับมือ
‘สุพันธุ์’ติดโอมิครอน – นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอมรับเศรษฐกิจตอนนี้น่าเป็นห่วง เพราะการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ส่งผลกระทบจากต่อภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาส 1/2565 ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นต้องชะลอ เพราะสุดท้ายรัฐบาลก็กลับมาประกาศใช้มาตรการกักตัว ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร แม้จะมีพื้นที่แซนด์บ็อกซ์กแต่ก็ไม่เพียงพอรองรับ ซึ่งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จะรวบรวมปัจจัยต่างๆ ประกอบการพิจารณาปรับประมาณการตัวเลขต่างๆ อีกครั้ง จากก่อนหน้านี้กกร. คาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปี 2565 โต 3-4.5% ส่งออกคาดโต 3-5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 1.2-2%
เนื่องจากยังมีปัจจัยลบจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนโดยเฉพาะการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการยังเผชิญกับแรงกดดันจากต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งจากราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบ ทั้งยังเป็นภาระประชาชน ประกอบกับหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น รัฐจึงจำเป็นต้องมีมาตรการช่วยเหลือเสริมกำลังซื้อต่อเนื่อง ประกอบกับการปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และตู้คอนเทนเนอร์ยังไม่คลี่คลาย
ทั้งนี้ สะท้อนได้จากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 95.2 จากเดือนพ.ย. 2564 อยู่ที่ระดับ 97.3 เนื่องจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เริ่มระบาดในประเทศไทยและในหลายประเทศทั่วโลก ผู้ประกอบการจึงมีความกังวลว่าหากมีการแพร่ระบาดรุนแรงในประเทศ ภาครัฐอาจพิจารณาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ซึ่งอาจส่งกระทบต่อการประกอบกิจการและฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565
นายสุพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาคเอกชนจึงมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐให้เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับประชาชน เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน และลดความรุนแรงเมื่อติดเชื้อ ยกระดับการดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุข ควบคู่ไปกับมาตรการด้านเศรษฐกิจ โดยไม่นำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้ เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้
การเตรียมความพร้อมด้านระบบสาธารณสุข ศูนย์พักคอย สถานที่กักตัว และโรงพยาบาล ตลอดจนสำรองยาและเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์รวมทั้งเตรียมความพร้อมของบุคลากร เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน
นอกจากนี้ ควรเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจและช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย ในการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ภายใต้กรอบความร่วมมือการเปิดเสรีการค้าตามข้อตกลง RCEP ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา
สำหรับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนธ.ค. 2564 อยู่ที่ระดับ 86.8 เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย. 2564 อยู่ที่ระดับ 85.4 เป็นการปรับตัวเพิ่มเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน สะท้อนความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมดีขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนในเรื่องการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศภายหลังจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 เพิ่มเติม ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้มากขึ้นทั้งภาคการผลิต การค้า และการเดินทางในประเทศเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจผู้ประกอบการ 1,325 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศในเดือนธ.ค. 2564 พบว่าปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมัน 67.3% และสถานการณ์ระบาดของโควิด 62.2% ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ 55.1% สภาวะเศรษฐกิจโลก 44% สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ 43.5% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 40.8% และอัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 38.5%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้า วันที่ 11 ม.ค. จากกำหนดการเดิมนายสุพันธุ์ จะต้องเดินทางมาแถลงข่าวดัชนีความเชื่อมั่นภาคเอกชน ที่สำนักงานส.อ.ท. ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แต่กลับพบว่า นายสุพันธุ์ แถลงผ่านออนไลน์แทน โดยระหว่างการแถลงข่าวดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
นายสุพันธุ์ แจ้งว่า ที่มาแถลงข่าวไม่ได้ เนื่องจากเพิ่งกลับดูงานที่ประเทศสหรัฐ แล้วต้องตรวจเชื้อโควิด -19 กลับพบว่าติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน โดยก่อนที่จะชึ้นเครื่องบินกลับจากสหรัฐ ได้ตรวจแล้ว แต่ยังไม่พบเชื้อ หลังถึงประเทศไทย ทำการตรวจอีกรอบ ปรากฏว่า พบเชื้อ ซึ่งได้เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์แล้ว ตนยังงงอยู่ว่า ติดได้อย่างไร เนื่องจากปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งสวมหน้ากาก และล้างมือ ส่วนอาการภาพรวมมีอาการไอเล็กน้อย แพทย์แจ้งว่า ไม่น่ากังวล โดยได้รับวัคซีนแล้ว 3 เข็ม เป็นแอสตร้าเซนเนกา 2 เข็ม และ โมเดอร์นาบูสเตอร์ 1 เข็ม
