ส่งออกปี’64 ทะลุเป้า บวก 17% ฟุ้ง ‘ทุเรียน’ ทำเงินเข้าประเทศ 109,206 ล้าน – ปี’65 ชูนโยบาย ‘ซอฟต์ พาวเวอร์’

ส่งออกปี’64 ทะลุเป้า – นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการส่งออกของไทยเดือนธ.ค. 2564 และทั้งปี 2564 ว่า ตัวเลขการส่งออกเดินธ.ค. 2564 เป็น +24.2% คิดเป็นมูลค่า 24,930.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

สินค้าสำคัญ 3 หมวด ได้แก่ สินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมโดยหมวดที่หนึ่ง สินค้าเกษตร เดือนธ.ค. ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 บวก 21.1% หมวดที่สอง สินค้าเกษตรอุตสาหกรรม ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 บวก 24.1% หมวดที่สาม สินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 บวก 24.0%

ตลาดที่ขยายตัวในระดับสูง เช่น ทวีปออสเตรเลีย +54.4% รัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS +45.8% สหรัฐฯ +36.5% ลาตินอเมริกา +36.5% อาเซียน +35% และทวีปแอฟริกา +34.1% ตะวันออกกลางที่เป็นเป้าหมายต่อไปในอนาคต +29.5% เป็นต้น

สำหรับภาพรวมปี 2564 ทั้งปีเป็นบวกเกินเป้าที่กำหนดไว้ที่ 4% เป็นบวกถึง 17.1% เกินกว่าการคาดการณ์ในช่วงหลังที่ตั้งไว้ที่ 15-16% มูลค่า 271,173.5 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้ากลุ่มสำคัญ ได้แก่ สินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรและสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม

สำหรับสินค้าเกษตรปี 2564 เป็นบวกรวม 23.5% สินค้าสำคัญที่ขยายตัวสูง เช่น ทุเรียน +68.4% ทำเงินเข้าประเทศ 109,206 ล้านบาท ยางพารา +58.6% เป็นต้น

หมวดที่สอง สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร +6.7% นำเงินเข้าประเทศ 607,228 ล้านบาท สินค้าสำคัญ เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง ผลไม้แห้ง กระป๋องและแปรรูป +38.5% หมวดที่สาม สินค้าอุตสาหกรรม +16.0% ตัวอย่างเช่น สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน +48.5% เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ +40.1%

ส่วนปี 2565 ปีนี้ตั้งเป้าการส่งออกของไทยจะยังเป็นบวกต่อไป คาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะบวก 3-4% โดยมีมูลค่ารวมทั้งปีคิดเป็น 270,000-282,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 9.08-9.16 ล้านล้านบาท ปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนการส่งออกในปี 2565 ประกอบด้วย

1. การขยายตัวของเศรษฐกิจ และการนำเข้าของประเทศคู่ค้าสำคัญขยายตัว 2. ค่าเงินบาทยังอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการส่งออก 3. คาดว่าปริมาณตู้คอนเทนเนอร์จะเพิ่มขึ้นและเข้าสู่ความสมดุลได้ในช่วงกลางปีนี้ถึงปลายปี

4. การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล ทำให้ตลาดโลกมีความต้องการสินค้าไอที อุปกรณ์อัจฉริยะ ที่เราเป็นผู้ส่งออกด้วย 5. คาดว่าความรุนแรงของโควิดจะลดน้อยลงทำให้การเจรจาการค้าอุปสรรคลดลง 6. ตั้งเป้าว่าการมีผลบังคับใช้ของ RCEP ที่เริ่มต้น 1 ม.ค. 2565 นี้ จะมีส่วนช่วยส่งเสริมตัวเลขการส่งออกของไทยไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนอีก 14 ประเทศได้มากขึ้นคล่องตัวและสะดวกขึ้น

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับปี 2565 จะเน้นในการทำรายได้เข้าประเทศจาก ซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) ด้วย ซึ่งตนสั่งการเป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว เพราะเราเริ่มต้นดำเนินการมาระยะหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องดิจิทัลคอนเทนต์ อนิเมชั่น ภาพยนตร์และอื่นๆ ซึ่งทำรายได้เข้าประเทศในระดับหนึ่ง แต่ในปี 2565 จะสนับสนุนเข้มข้นจากกระทรวงพาณิชย์

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า สินค้าดาวรุ่งเป็นสินค้าตัวเดิมเพราะในปี 2565 จะยังมีการส่งออกต่อเนื่องในสินค้าเกษตร ผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง และสินค้ากลุ่มยาและเวชภัณฑ์ โดยเฉพาะที่ไทยส่งออกถุงมือยาง โตต่อเนื่อง สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ก็โตต่อเนื่องน้ำตาลทราย อาหารเลี้ยงสัตว์ สินค้าอุตสาหกรรม รถยนต์
สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อัญมณี คอมพิวเตอร์ และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า สินค้าในกลุ่ม BCG ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะพยายามขับเคลื่อนในส่วนนี้ ทั้งอาหารแห่งอนาคต อาหารสัตว์เลี้ยง บรรจุภัณฑ์ ไลฟสไตล์หรือเครื่องสำอางสมุนไพรน่าจะเป็นสินค้าที่มีโอกาสขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับแผนการส่งออกของปี 2565 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมีกิจกรรมหลากหลาย ประมาณ 152 กิจกรรม จะบุกไปที่ตลาดที่มีศักยภาพเดิมและเปิดเพิ่มตลาดใหม่ ขยายสัดส่วนของการส่งออกสินค้าไทยสู่ตลาดโลกไปตลาดที่เป็นเมืองรอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน