มติชนเสวนาใหญ่ ระดมความคิด นำไทย “สู่ศักยภาพใหม่ : Thailand 2022”
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2565 ที่ อาคารบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในการปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “สู่ศักยภาพใหม่ : Thailand 2022” ภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนารูปแบบไลฟ์สตรีมมิ่งผ่านเฟซบุ๊กในเครือมติชน หัวข้อ “ปลุกพลังส่งออก พลิกเศรษฐกิจไทย” ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์มติชน เนื่องในโอกาสที่หนังสือพิมพ์มติชนดำเนินกิจการเข้าสู่ปีที่ 45 เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่า

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปาฐกถาพิเศษ
ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาและความท้าทายใหม่ๆ มากมาย โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งยังคงเป็นความเสี่ยงที่ประเทศไทยต้องเผชิญ แต่ขอให้มั่นใจว่าด้วยมาตรการด้านสาธารณสุขและมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของภาครัฐที่ได้ดําเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย รวมถึงประชาชนทุกคน เศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ ฟื้นตัวและกลับมาเติบโตได้อีกครั้งอย่างแน่นอน
ขณะนี้เริ่มเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งมองว่าปีนี้จะเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับแรงส่งจากภาคการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง โดยสํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าปี 2565 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) จะขยายตัวได้ 4-5% และผลิตภัณฑ์มวลรวม(จีดีพี) ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 2.5-3.5% สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการฟื้นตัวและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์และเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ อุตสาหกรรม อาหารและอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ อุตสาหกรรมคลังสินค้า ขนส่งสินค้า และโลจิสติกส์และที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยี และ อุตสาหกรรมยาและเคมีภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย.
ด้านนายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไปบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่าการขับเคลื่อน 3 ดี(D) จะเข้ามาปิดช่องว่างให้กับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินมากขึ้น ประกอบด้วย 1.ดิจิตอล วอลเล็ต (Digital Wallet) ที่อยู่ในมือของประชาชนทุกคนแล้ว ทุกธนาคารมีแอพพลิเคชั่นทางการเงิน และธุรกิจในระบบเศรษฐกิจ 2.ดิจิตอล เลนดิ้ง (Digital Lending) และ 3.ดิจิตอล เครดิต การันตี (Digital Guarantee) จะเป็นส่วนเติมเต็มให้กลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงิน เช่น เรื่องหลักประกัน บ้านติดจำนอง หรือรถยนต์ยังผ่อนไม่หมด

นายศรุต วานิชพันธุ์ นายบุรณิน รัตนสมบัติ นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ร่วมสัมมนา
นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าปัจจุบันเทคโนโลยีหลายอย่างพัฒนาอย่างก้าวกระโดด 3 เท่า 5 เท่า 10 เท่า เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องปรับตัว เพื่อหาศักยภาพใหม่ๆของประเทศ ท่ามกลางการไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และการเข้าสู่สังคมสูงวัยที่เร็วขึ้น ถ้าไม่ปรับตัวใช้นวัตกรรมจะมีปัญหา
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด กล่าวว่าทิศทางของประเทศไทยต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นนิว อีโคโนมี บิซิเนส หรือรูปแบบธุรกิจอิงเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งภาคธุรกิจควรลงทุนในด้านเทคโนโลยี เพื่อให้ทรานส์ฟอร์มตามการเปลี่ยนแปลงของโลก เหมือนเฟซบุ๊ก ที่เปลี่ยนชื่อบริษัท และใช้เงินลงทุนกับรูปแบบธุรกิจ ที่เป็นโลกเสมือนจริง หรือเมตาเวิร์สสูงมาก

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา
“เห็นได้ชัดเจนว่าโลกเรากำลังขับเคลื่อนเข้าสู่คลื่นยักษ์ (เวฟ) 3.0 ต่อเนื่องจาก 1.0 และ 2.0 ที่ผ่านมา ทั้งการเกิดขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) บิ๊กเดต้า บล็อกเชน สกุลเงินดิจิตอล (คริปโทเคอร์เรนซี) ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเวฟ 3.0 ในอีก 10 ปีต่อจากนี้”
อย่างไรก็ตาม ยอมรับที่ผ่านมาไทยไม่สามารถสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้เพราะผิดกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายไทยตามไม่ทัน ดังนั้นไทยต้องออกกฎหมายที่ทันต่อโลกและเทคโนโลยี สอดคล้องกับการสร้างสิ่งใหม่ขึ้น เหมือนสหรัฐและจีนที่เข้าใจออกกฎหมายเอื้อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้
ส่วนผู้ประกอบการก็ต้องกล้าออกมาเปิดบริษัท และสร้างสิ่งใหม่เพิ่มขึ้น เล่นกับสิ่งที่เป็นคลื่นยักษ์ 3.0 ให้มากที่สุด อีกทั้งไทยมีข้อจำกัดของเรื่องของการมีไอเดียที่หาแหล่งเงินทุนต่อยอดไอเดียเป็นจริงได้ค่อนข้างยาก เพราะไม่มีใครอยากลงทุนในช่วงเริ่มต้น แต่ส่วนใหญ่จะลงทุนตอนประสบความสำเร็จแล้ว