หอการค้า ชี้หากยุบสภา ไม่สะเทือนเศรษฐกิจ แต่สุ่มเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเมือง จุดน่ากังวลสะเทือนต่อระบบเศรษฐกิจมากกว่าคือ การชุมนุมนอกสภา การประท้วงทำให้เกิดความรุนแรง

วันที่ 10 ก.พ.2565 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง และเสถียรภาพของรัฐบาลว่า เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นได้ในทางการเมือง ไม่ว่าจะมีการยุบสภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภาล่มบ่อย แต่เหตุการณ์ที่ดูไม่ปกติและเกิดก่อนเวลาอันควร ทำให้คนกังวลว่าเกิดอะไรขึ้น

” หากว่ามีการยุบสภาในไตรมาสที่ 1 จะไม่มีผลกระทบต่อเชิงลบต่อเศรษฐกิจมากนัก แต่คนจะติดตามว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล และดูความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาลในด้านต่างๆ เพราะรัฐบาลรักษาการณ์ไม่สามารถทำอะไรได้มาก นอกจากมาตรการควบคุมดูแลโควิด ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลเองไม่มีแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจแบบใช้พ.ร.ก.เงินกู้ แต่กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านงบประมาณ ”

สภา

นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า จุดน่ากังวลและสะเทือนต่อระบบเศรษฐกิจมากกว่าคือ มีการชุมนุมนอกสภา การประท้วงทำให้เกิดความรุนแรง เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่หลายคนไม่คาดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าม็อบปักหลักไม่มีความรุนแรง จะไม่มีความกังวล ไม่สะเทือนต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ ถ้าม็อบปักหลักกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ จะมีผลต่อเศรษฐกิจได้ คนจะลังเล ไม่กล้าลงทุน ทำให้เศรษฐกิจชะลอ ฟื้นตัวช้า ถ้าเป็นม็อบประท้วงจบใน 1 วัน หรือมีปะทะเล็กน้อย ไม่น่ามีผลเสถียรภาพรัฐบาลและยุบสภาได้

สภาล่มอีก

” กรณีที่รัฐมนตรีลาไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะมีวาระพิจารณาอนุมัติสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ก็เป็นข้อสังเกตุได้ เป็นเรื่องปกติของการแสดงความเห็นหรือการหยุด ต่อให้ไม่มีสายสีเขียว ทุกเหตุการณ์มีผลหมดต่อความกังวลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ไม่ว่าการแยกตัวของส.ส.พรรคพลังประชารัฐไปอยู่พรรคอื่น การประชุมสภาที่ล่มบ่อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

นายก








Advertisement

แต่ก็ทำให้เกิคดวามสุ่มเสี่ยงทางเสถียรภาพทางการเมืองได้ เพราะคนไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะมีอายุยืนยาวแค่ไหน ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและเศรษฐกิจหดหายไป แต่ไม่มีผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจมาก ตราบใดที่ ทุกอย่างยังยืนอยู่ในกลไกสภา นายธนวรรธน์ ระบุ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน