นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย หนึ่งผู้ร่วมเสวนา หัวข้อ “โครงการประกันรายได้สินค้า 5 สินค้าเกษตร” ณ อาคารสํานักงาน บริษัท มติชน จํากัด (มหาชน) ว่า การประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาล เป็นตัวชี้วัดว่าเกษตรกรควรมีรายได้เท่าไหร่ ถือเป็นนโยบายที่ดี เป็นการสร้างมาตรฐานราคาให้อุตสาหกรรมที่จะมารับซื้อสินค้าเกษตร ตามราคาที่ประกันอยู่ที่ 4 บาทต่อกิโลกรัม ไม่ให้ต่ำไปกว่านี้ และรัฐบาลก็เป็นผู้บริหารจัดการ ต้องมองถึงความสมเหตุสมผล และต้องบริหารจัดการปริมาณผลผลิต ว่ามีสต๊อกเท่าไหร่ หรือควรจะทำการส่งออกหรือไม่ สิ่งนี้คือนโยบาบของการประกันรายได้ ที่ช่วยชี้ให้ภาคอุตสาหกรรมไม่ให้เอาเปรียบเกษตรกรได้

สะท้อนให้เห็นว่าเป็นนโยบายและการบริหารจัดการที่ดี และเกษตรกรก็ไม่ได้อยากได้การประกันรายได้ตลอดไป ขอแค่รัฐบาลบริหารจัดการได้ดี ราคาจะขึ้นสูงจนเกษตรอยู่ได้ ทั้งนี้ ขอให้ช่วยดูแลต้นทุนการผลิตด้วย ส่วนการประกันรายได้มีประโยชน์ ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ ที่จะนำไปใช้ในการผลิตต่อไป และมีผลผลิตออกมาในจำนวนและราคาที่เหมาะสมกับบริโภค

“ราคาปาล์มนั้น ตกต่ำมาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งสมาพันธ์ไม่นึกไม่ฝัน ว่าปีที่ผ่านมาจะราคาทะลุไปถึง 12 บาท สูงสุดในรอบกว่าสิบปี แม้ราคาตอนนี้ลดลงบ้างเล็กน้อยแต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับสูงเกษตรกรไม่ได้ใช้เงินในโครงการประกันรายได้ ซึ่งเกษตรกรไม่ต้องการใช้เงินประกันรายได้อยู่แล้ว เพราะว่ามีกำหนดว่าชดเชยได้ไม่เกิน 25 ไร่ แต่ถ้าราคาดีโดยการบริหารจัดการที่ดีของภาครัฐ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากให้มีโครงการประกันรายได้ เพราะว่าโครงการช่วยประกันความเสี่ยง เป็นนโยบายที่ดี และแนะนำว่าไม่ว่าจะรัฐบาลชุดไหน ใครก็ตาม โครงการนี้ควรจะใส่ไว้ในนโยบายของรัฐบาล เพราะมีประโยชน์กับเกษตรกร”นายมนัส กล่าว

อย่างไรก็ตาม จากที่กระทรวงพาณิชย์ และกรมการค้าภายใน ตั้งเป้าที่จะส่งออกปาล์มน้ำมัน ในปี 2565 ให้ได้ 3 แสนตัน และปีนี้ตลาดโลกก็ต้องการน้ำมันปาล์มจำนวนมาก โดยเมื่อเดือนต้นเดือนก.พ. รัฐประกาศว่า มีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศประมาณ 1.3 แสนตัน และภาครัฐมองเห็นว่าจำนวนส่งออกไปต่างประเทศได้ และขายได้ราคาเพิ่มขึ้น และเป็นการส่งออกที่ไม่เดือดร้อนต่อผู้บริโภคในประเทศ เพราะผลผลิตใหม่กำลังออกตลาด สต๊อกก็จะเพิ่มขึ้น ภาครัฐมีความฉลาด คือ ส่งออกปาล์มน้ำมัน ช่วงที่ปาล์มกำลังมีผลผลิตเพิ่มขึ้น คาดว่าช่วงเดือนมี.ค.นี้ จะมีผลผลิตปาล์มทะลายจะออกสู่ตลาด 1 ล้านตัน สกัดเป็นน้ำมันปาล์มดิบได้ประมาณ 1.8 ล้านตัน ซึ่งภาครัฐต้องบริหารจัดการต่อไปให้สมดุลทั้งยอดผลิต บริโภค ส่งออก และสต๊อกเพื่อความมั่นคงด้านอาหาร

นายมนัสยังย้ำอีกว่า แม้จะส่งออกน้ำมันปาล์มไปต่างประเทศจำนวนมาก ผู้บริโภคไม่ต้องห่วงว่าราคาน้ำมันปาล์มขวดในประเทศจะแพงขึ้นแบบที่ผ่านมา เพราะหลังจากนี้จะมีผลผลิตปาล์มออกมาในตลาดอีกครั้ง เพราะสถิติคนไทยใช้ปาล์มในครัวเรือนเดือนละ 2 ขวด ก็พอดีกับผลผลิตใหม่จำนวนมากออกสู่ตลาด ส่วนนโยบายประกันรายได้ นั้น ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ต้องทำต่อ ส่วนพรรคเจ้าของนโยบายจะยอมหรือไม่ ก็ต้องติดตามกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน