กสิกรไทย ผวา ขัดแย้ง รัสเซีย-ยูเครนรุนแรง ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย ฉุดภาคท่องเที่ยวซบยาวอีก 3 ปี -ลุ้นเดือนหน้าทบทวนเป้าจีดีพีใหม่

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตที่ระดับ 2.8-3.7% แต่จะทบทวนอีกครั้งในเดือน มี.ค.นี้ว่าจะมีการปรับประมาณการหรือไม่ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด สายพันธุ์โอมิครอน ที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่อาจทำให้เกิดการตระหนักได้และสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน จะเกิดความรุนแรงและขยายเป็นวงกว้างหรือไม่

“ถ้าสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ไม่ขยายวงกว้าง และไม่กดดันเงินเฟ้อมากเกินไป เศรษฐกิจโลกน่าจะขยายตัวได้ 4.3% และเศรษฐกิจไทยจะเป็นไปตามที่ประมาณการไว้เติบโตได้ 3.7% แต่จากการคว่ำบาตรของหลายประเทศในขณะนี้จะทำให้ราคาพลังงานในตลาดโลกปรับสูง เพราะรัสเซียในปัจจุบันขายน้ำมันอยู่ที่ 10.8 ล้านบาเรลต่อวัน หรือเป็น 11-12% ของตลาดโลก การคว่ำบาตรจะทำให้ปริมาณ 10.8 ล้านบาเรลต่อวันหายไปจากตลาด และส่งผลกระทบต่อไทย ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในภาวะที่กำลังฟื้นตัวด้วย”

ในขณะนี้ไทยยังเผชิญอยู่กับเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูง และหากในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนเกิดความรุนแรงแล้วจะซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยในหลายมิติ ราคาน้ำมันแพงขึ้น ส่งผลต่อค่าขนส่งให้แพงขึ้น ต่อไปก็จะเป็นราคาสินค้าที่แพงขึ้น ขณะเดียวกันภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวยากลำบาก โดยอาจจะต้องรอไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า หรือในปี 2569 จึงจะฟื้นตัว ในขณะที่ส่งออกก็ต้องได้รับผลกระทบ ซึ่งเศรษฐกิจไทยพึ่งพาส่งออกและการท่องเที่ยวอย่างมาก

ดังนั้นสิ่งที่ภาครัฐต้องทำคงต้องผ่อนคลายนโยบายด้านการเงินและการคลัง รวมถึงทำหลายอย่างด้านการเงินและการคลัง โดยเฉพาะการสร้างและกระตุ้นตลาดในประเทศ การเพิ่มการบริโภคคนในประเทศ อย่างไรก็ตามสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในปัจจุบันคือไทยต้องเจอภาวะน้ำมันราคาสูงไปอีก 3 เดือนจากนี้ และสิ่งอาจจะเกิดขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้า คือ เศรษฐกิจโลกเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย ถ้าสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนต้องเผชิญกับความรุนแรง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน