น.ส.สกุลรัตน์ ตันยงศิริ ผู้อำนวยการธุรกิจเอสเอ็มอี LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย มีการเปิดบัญชี LINE Official Account (LINE OA) เติบโตขึ้นปีละ 25% ต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2562-2564 โดยล่าสุดมีทั้งหมด 5 ล้านบัญชี ซึ่งกว่า 90% เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และ ธุรกิจแรกที่ใช้ LINE OA มากที่สุดคือ ธุรกิจความงาม ธุรกิจแฟชั่น และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุด 51% ส่วนหนึ่งเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปคนทานอาหารนอกบ้านน้อยลง และสั่งออนไลน์มากขึ้น
และด้วยสถานการณ์ที่ร้านค้าต้องหาทางรอด เนื่องจากได้รับผลกระทบค่อนข้างสูงในช่วงล็อกดาวน์ ระหว่างเกิดการแพร่ระบาดรุนแรงของไวรัสโควิด-19 ทำให้ออนไลน์จึงเป็นช่องทางหลักที่ร้านอาหารต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

อีกทั้งอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 โดยอยู่ที่ระดับ 2.25% ทำให้ผู้มีอาชีพอิสระมากขึ้น และธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่เข้าง่ายที่สุด อีกทั้งยังใช้ LINE OA เพื่อสร้างแบรนด์อย่างจริงจังบนออนไลน์ ด้วยการมีช่องทางติดต่อสื่อสารกับลูกค้า พร้อมเชื่อมต่อกับการสั่งอาหารผ่าน LINE OA ไปด้วยในตัว

ส่วนฟีเจอร์ แชต (Chat) ยังเป็นอันดับ 1 ที่ผู้ประกอบการเลือกใช้งาน สามารถพูดคุยสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าได้โดยง่าย ตามมาด้วยฟีเจอร์บรอดแคส ในการเปิดการขายกับลูกค้าผ่านการส่งข้อมูลการขาย ทั้งแนะนำสินค้าใหม่ โปรโมชั่นต่างๆ และที่มาแรงที่สุดในปีที่ผ่านมา คือ การใช้งานริชเมนู มีตัวเลขการใช้งานเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 232% แสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเริ่มมีความรู้ด้านดิจิทัลเพิ่มขึ้น

สำหรับในปี 2565 LINE ยังคงตั้งเป้า สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยด้วยเครื่องมือดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ คอยขับเคลื่อนให้การทำธุรกิจเกิดประสิทธิผล ทั้งด้านแพลตฟอร์ม โดยพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาพื้นที่และรูปแบบการลงโฆษณาได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องผ่านเอเจนซี่ ด้วย LINE Ads Platform หรือ LAP ในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อรองรับและตอบโจทย์การใช้งานเอสเอ็มอีไทยมากยิ่งขึ้น อาทิ การเพิ่มตำแหน่งการวางโฆษณาไปบน LINE OpenChat ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้งานคนไทย ด้วยยอดผู้ใช้กว่า 6 ล้านคนต่อเดือน ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงมากในการเข้าถึงลูกค้า และโฆษณาในรูปแบบวิดีโอบน LINE VOOM ซึ่งคาดว่าจะเข้ามามีบทบาทในการโฆษณาบนแพลตฟอร์ม LINE อย่างมากต่อไปในอนาคต

รวมไปถึง แผนการพัฒนาเครื่องมือเดิมในตลาด ให้เหมาะกับการใช้งานสำหรับเอสเอ็มอีมากขึ้น อาทิ MyCustomer เครื่องมือเสริมประสิทธิภาพให้ LINE OA สำหรับธุรกิจองค์กรในการบริหารจัดการดาต้า เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าให้ความรู้และกิจกรรม เพื่อยกระดับความรู้ ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจยุคดิจิทัลให้เอสเอ็มอีไทย และแคมเปญ โปรโมชั่น โครงการต่างๆ ตลอดปี

“เชื่อว่าปีนี้น่าจะผ่านจุดเลวร้ายที่สุดของสถานการณ์โควิด-19 ไปแล้ว และเริ่มมีสัญญาณที่ดีทางเศรษฐกิจ หากแต่ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนอื่นๆ ที่เป็นความเสี่ยงอีกมาก การเปิดรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค การปรับตัว ปรับกลยุทธ์ได้รวดเร็ว รวมถึงการเปลี่ยนและปรับปรุงตนเองในทันทีเมื่อเจอผลลัพธ์ที่ไม่เป็นดังหวัง เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเอสเอ็มอีไทยดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน” น.ส.สกุลรัตน์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน