นายสิทธิพล เจริญขจรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบสท์บอนด์ แวร์เฮ้าส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้ให้บริการคลังสินค้าครบวงจร ทั้งการจัดเก็บดูแล การขนส่งสินค้า การให้บริการรับฝากทั้งสินค้าทัณฑ์บนทั่วไปและสินค้าธรรมดา รวมทั้งอาคารคลังสินค้า โดยจุดเด่นของบริษัทถือเป็นผู้บริหารคลังสินค้าทัณฑ์บนรายใหญ่อันดับต้นๆ
โดยปัจจุบันให้บริการลูกค้ามากกว่า 250 บริษัท มาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ทั้งบริการรับฝากสินค้าทัณฑ์บนทั่วไป, บริการรับฝากสินค้าทั่วไป และ คลังสินค้าให้เช่า, บริการรับฝากสินค้าในห้องรักษาอุณหภูมิ 18-22 องศาเซลเซียส, คลังสินค้าฮาลาล, คลังสินค้าเคมี, บริการเดินพิธีการศุลกากร, บริการขนส่งสินค้า ฯลฯ ซึ่งในปี 2564 มีมูลค่าสินค้าสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท
ล่าสุดได้เปิดบริการใหม่ คลังสินค้าที่ตอบโจทย์ธุรกิจออนไลน์ หรือ e-Fulfillment Warehouse เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีการค้าแบบออลไลน์ โดยยังได้ร่วมมือกับ เอสซีจี เอ็กซ์เพรส เพื่อกระจายสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันบริษัทเปิดให้บริการคลังสินค้า 2 แห่ง คือ คลังสินค้าถนนกิ่งแก้ว ขนาดพื้นที่ 50,000 ตรม. และคลังสินค้านวนคร ขนาดพื้นที่ 100,000 ตรม. ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ใกล้โรงงานผลิต และท่าเรือขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออก ซึ่งถือว่าอยู่บนเส้นทางขนส่งโลจิสติกส์ ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกในการกระจายสินค้าได้รวดเร็ว
ประกอบกับสินค้านำเข้าและส่งออกของไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้คลังสินค้าของบริษัทให้เช่าเต็มเกือบ 100% จึงมองเห็นโอกาสในการขยายการลงทุนคลังสินค้าโดยได้ตั้งงบลงทุนรวม กว่า 2,500 ล้านบาท เพื่อขยายคลังสินค้าอีก 4 แห่ง พื้นที่รวม 200,000 ตร.ม. โดยกระจายไปตามจุดยุทธศาสตร์ แนวชายแดนไทย พร้อมกับขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอารารคลังสินค้า และทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่ปลายปีนี้-ปี 2566 โดยมีเป้าหมายให้เป็นกรีนแวร์เฮ้าส์ หรืออาคารคลังสินค้าสีเขียว
ประกอบด้วยคลังสินค้าบนถนนพระราม 2 ย่านสารินซิตี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้มีการพัฒนาสนามกอล์ฟ เบสท์ โอเชี่ยน และสนามบินเล็ก เบสท์ โอเชี่ยน แอร์พาร์ค อยู่แล้ว รวมถึงยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารคลังสินค้าบริเวณด่านสะเดา จ.สงขลา คลังสินค้า อ.แหลมฉลัง จ.ชลบุรี 20,000 ตร.ม., คลังสินค้า อ.เชียงของ จ.เชียงรายพื้นที่ 50 ไร่ ปัจจุบันรอความชัดเจนรัฐบาลเรื่องเขตเศรษฐกิจตามแนวชายแดนที่อยู่ในเส้นทางรถไฟรางคู่ หากชัดเจนบริษัทพร้อมลงทุนทันที รวมถึงยังมีที่ อ.แม่สอด จ.ตาก กำลังเจรจาซื้อที่ดินเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการปี 2564 บริษัทมีรายได้ จากค่าบริการและค่าเช่าประมาณ 250 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีก่อน ส่วนในปีนี้คาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องอีก 30% พร้อมกันนี้บริษัทยังมีแผนระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เบื้องต้นยังอยู่ในขั้นตอนการคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน โดยรูปแบบการระดมทุน อาจเป็นการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทางอ้อม หรือแบ็คดอร์ ลิสติ้ง
ขณะที่นายมนตรี กำประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ เบสท์บอนด์ แวร์เฮ้าส์ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจคลังสินค้าในประเทศไทยในปัจจุบัน ยังคงมีโอกาสอีกมากที่จะเติบโต เนื่องจากศักยภาพของประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าไปยังภูมิภาคซีแอลเอ็มวี หรือ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม เนื่องจากมีพรมแดนเชื่อมต่อกับไทย และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจจากการที่ประเทศต่างๆให้ความสนใจเข้าไปลงทุน