นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้ สศก. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และ เกษตรกร ส่งเสริมการผลิตพืชเศรษฐกิจเพื่อความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะถั่วเหลือง ซึ่งเป็นพืชที่ให้ทั้งโปรตีนและน้ำมัน และยังเป็นวัตถุดิบที่สำคัญของอุตสาหกรรมหลายประเภททั้งอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร อุตสาหกรรมสกัดน้ำมัน และอุตสาหกรรมอาหารสัตว์
ปี 2565 หรือ ปีเพาะปลูก 2565/66 พบไทยมีเนื้อที่เพาะปลูกถั่วเหลือง 85,226 ไร่ แบ่งเป็นถั่วเหลือง รุ่น 1 จำนวน 26,208 ไร่ และถั่วเหลือง รุ่น 2 จำนวน 59,018 ไร่ ผลผลิตรวม 23,007 ตัน ถั่วเหลือง รุ่น 1 จำนวน 7,836 ตัน และถั่วเหลือง รุ่น 2 จำนวน 15,171 ตัน โดยเนื้อที่เพาะปลูกลดลง 3.40% จากปีก่อนมีจำนวน 88,010 ไร่ ลดลง และผลผลิตลดลง2.02% จากปีก่อน 23,482 ตัน เนื่องจากถั่วเหลืองเป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนน้อยกว่าพืชอื่น เกษตรกรบางส่วนจึงหันไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
ส่วนพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองและผลผลิตถั่วเหลืองลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูง ขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ที่ดี ต้องใช้แรงงานสูงโดยเฉพาะในการเก็บเกี่ยว ขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากพิจารณาข้อมูล 5 ปีย้อนหลัง (ปี 2560-2564) ความต้องการใช้ถั่วเหลืองในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 11.92% ต่อปี
ปี 2565 คาดความต้องการใช้เมล็ดถั่วเหลืองมีปริมาณ 4.02 ล้านตัน มีสัดส่วนการใช้ผลผลิตภายในประเทศ 0.58% และยังต้องนำเข้า 99.42% ของปริมาณความต้องการใช้ทั้งหมด ส่งผลแนวโน้มการนำเข้ายังเพิ่มขึ้น 12.15% ต่อปี ปี 2565 คาดว่าการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองมีปริมาณ 4.00 ล้านตัน เพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ
ด้านราคาถั่วเหลืองที่เกษตรกรขายได้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 1.96% ต่อปี ในปี 2564 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.16 บาท สูงขึ้น 2.69% จากกิโลกรัมละ 16.71 บาท ในปี 2563 และปัจจุบัน ราคา ณ ช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมี.ค. 2565 กิโลกรัมละ 20.20 บาท
ส่วนราคาถั่วเหลืองนำเข้า ณ ท่าเรือเกาะสีชัง มีแนวโน้มสูงขึ้น 3.62% ต่อปี โดยในปี 2564 ราคาถั่วเหลืองนำเข้า ณ ท่าเรือเกาะสีชัง เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.15 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 12.51 บาท ในปี 2563 สูงขึ้น 45.08% ซึ่งราคาสูงขึ้นไปในทิศทางเดียวกับราคาในตลาดโลก
“จากสถานการณ์ถั่วเหลืองข้างต้น จะเห็นได้ว่าผลผลิตถั่วเหลืองในประเทศมีไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งแนวโน้มราคายังมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่อาจกระทบต่อการนำเข้าพืชอาหารสัตว์ ดังนั้น รมว.เกษตรและสหกรณ์ จึงมีนโยบายเร่งส่งเสริมการผลิตถั่วเหลืองในประเทศ โดยมอบหมายให้ สศก. ร่วมกับทุกภาคส่วนส่งเสริมการผลิตในประเทศ พัฒนาศักยภาพการผลิตและคุณภาพของถั่วเหลือง โดย สศก. จะมีการลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 7-8 เม.ย. 2565 ณ จ.เชียงใหม่ และ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญของประเทศ เพื่อพูดคุยกับเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลือง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ รวมทั้งสหกรณ์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการรับซื้อเมล็ดถั่วเหลือง และผู้ประกอบการที่ใช้เมล็ดถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบ ในการหาแนวทางที่จะเพิ่มผลผลิตถั่วเหลืองในประเทศร่วมกัน”