นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า เดือนก.พ.นี้ กรมทางหลวง (ทล.) จะเปิดประมูลให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการบริหารจัดเก็บค่าผ่านทางและบำรุงรักษาทาง (Operation and Maintenance: O&M) โครงการมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง มูลค่าลงทุนรวม 6.1 หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็นสายทางบางปะอิน-นครราชสีมา 3.3 หมื่นล้านบาท และ และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี 2.8 หมื่นล้านบาท

นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดี ทล. กล่าวว่าทั้ง 2 โครงการจะได้ตัวผู้ชนะประมูลและลงนามในสัญญาจ้างได้ในเดือนธ.ค.ปีนี้ เริ่มงานก่อสร้างเดือนม.ค. 2562 และเปิดให้บริการได้กลางปี 2563 สำหรับอัตราจัดเก็บค่าผ่านทางสำหรับบางปะอิน-โคราช ระยะทาง 196 ก.ม. จะอยู่ที่ 255 บาท ส่วนเส้นบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 ก.ม. อยู่ที่ 154 บาท โดยจะมีปรับค่าผ่านทาทุกๆ 7 ปี

“ในการประมูลทล. จะเลือกเอกชนที่เสนอเงื่อนไขที่ดีที่สุด ให้ประโยชน์กับรัฐมากที่สุด และระบบการจัดเก็บต้องทันสมัยเป็นระบบอัตโนมัติด้วย ซึ่งขณะนี้มีเอกชนเกือบ 10 รายแสดงความสนใจมีทั้งนักลงทุนจากไทยและต่างประเทศจากทั่วโลก เช่นญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส จีน และเยอรมัน”

สำหรับรูปแบบการร่วมทุนนั้นเอกชนจะต้องเป็นผู้ออกแบบและลงทุนค่าก่อสร้างงานระบบบริหารงานจัดเก็บค่าผ่านทาง และการบำรุงรักษาระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี โดย ทล. จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินและมีรายรับจากค่าธรรมเนียมผ่านทางทั้งหมด ขณะที่เอกชนจะได้ค่าจ้างในการบริหารการจัดเก็บค่าผ่านทางและค่าจ้างซ่อมบำรุงทาง รวมทั้งได้รับเงินค่าก่อสร้างงานระบบคืนในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม ตามในส่วนของเส้นทางบางปะอิน-โคราช รัฐบาลคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 3-4 ปีส่วนเส้นทางบางใหญ่จะคืนทุนภายใน 5-6 ปี

ส่วนปริมาณการจราจรคาดว่าในปีแรกเส้นทางบางปะอินจะมีรถวิ่งเฉลี่ยประมาณ 1.8 หมื่นคันต่อวัน ในขณะที่บางใหญ่ประมาณ 1 หมื่นคันต่อวัน

นายธานินทร์กล่าวต่อว่า ภายในปลายปีนี้ ทล. จะเปิดประมูลให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการก่อสร้างที่พักริมทาง (Rest Area) มอเตอร์เวย์ 2 เส้นทางนี้ด้วย มูลค่าลงทุนงานโยธารวม 2.2 หมื่นล้านบาท โดยเส้นทางบางปะอิน-โคราช จะมีที่พักริมทางฝั่งละ 8 จุด ส่วนบางใหญ่-กาญจนบุรี มีฝั่งละ 4 จุด โดยจะแบ่งเป็นขนาดใหญ่ กลางและเล็ก

สำหรับที่พักริมทางขนาดใหญ่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้นโยบายไว้ว่าควรทำแบบจุดพักรถของประเทศญี่ปุ่น โดยจะต้องก่อสร้างให้เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น เปิดขายอาหารและสินค้าท้องถิ่น เพื่อกระจายรายได้สู่รายย่อย โดยไม่ต้องการให้มีการเปิดร้านจำหน่ายอาหารหรือสินค้าที่เป็นแฟรนไชส์เหมือนกับในปัจจุบัน

“คาดว่าจะเปิดประมูลที่พักริมทาง 2 เส้นทางนี้ ได้ภายในปลายปีนี้และเริ่มก่อสร้างปี 2562 และสามารถให้บริการได้กลางปี 2563 ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้นจะให้เอกชนลงทุนเองทั้งหมด โดยจัดส่งรายได้ให้รัฐตามเงื่อนไขเบื้องต้นจะให้สัมปทาน 30 ปี”

นายธานินทร์กล่าวถึงความคืบหน้ามอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนวงเงินลงทุนใหม่ เนื่องจากราคาประเมินที่ดินเพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้งบค่าเวนคืนเพิ่มขึ้นเกิน 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลทำให้งบลงทุนรวมภาพรวมทั้งระบบเพิ่มสูงกว่า 8 หมื่นล้านบาทด้วยแต่ไม่ถึง1แสนบ้านบาท ทั้งนี้จะสรุปวงเงินเสนอให้กระทรวงพิจารณาในเดือนม.ค. เพื่อเสนอให้ สคร.พิจารณาต่อไป คาดว่าเปิดประมูลได้ช่วง ก.พ.-มี.ค. 2562 โดยใช้รูปแบบพีพีพีเน็ตคอสต์ให้เอกชนลงทุนเองทั้งหมด โดยจัดส่งส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน อายุสัมปทานระยะเวลา 30 ปี

ส่วนโครงการ ส่วนต่อขยายทางพิเศษอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลเวย์ รังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 17-18 กิโลเมตรนั้น อยู่ระหว่างพิจารณาข้อกฎหมายและศึกษารูปแบบการลงทุนคาดว่าใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี ส่วนมอเตอร์เวย์บางขุนเทียน-มหาชัย ซึ่งจะก่อสร้างเป็นถนนยกระดับบนทางหลวง วงเงินลงทุน 7 หมื่นล้านบาทนั้น เบื้องต้นจะดำเนินการเฟส 1 ก่อน คือบางขุนเทียน-วังมะนาว วงเงินลงทุน 3-4 หมื่นล้านบาท โดยขณะนี้โครงการอีไอเอผ่านแล้ว

นอกจากนี้ ทล. ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้โครงการมอเตอร์เวย์เส้นใหม่อีก 2 เส้น คือโคราช-ขอนแก่น และแหลมฉบัง-ปราจีนบุรี คาดว่าใช้เวลา 2 ปี และคาดว่าจะเริ่มเวนคืนที่ดินได้ในปี 2563

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน