ของแพง ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคทรุดต่อเนื่อง เม.ย. ต่ำสุดรอบ 8 เดือน อ้อนรัฐขยายเวลาลดภาษีดีเซลอีก 1 เดือน หวั่นราคาพุ่ง 40 ทุบจีดีพีโตต่ำกว่า 2%

ของแพงฉุดความเชื่อมั่น – นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. 2565 ว่า อยู่ที่ระดับ 40.7 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2564 เนื่องจากผู้บริโภคกังวลปัญหาค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงจาก สินค้ามีราคาแพง ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ปัญหาสงครามรัสเซียและยูเครน ขณะความเชื่อมมั่นใจอนาคตก็ตกลงมากถึง 1.5 จุด

“ผู้บริโภคมองว่าเศรษฐกิจไทยชะลอตัว และซึมลงต่อเนื่อง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะลดลงเข้าสู่ภาวะต่ำสุดในช่วงไตรมาสที่ 2 ปีนี้ กำลังซื้อจะชะลอตัว หรือต่ำสุดในรอบ 24 ปี เห็นได้จากดัชนีภาวะค่าครองชีพในอนาคต อยู่ที่ระดับ 16.0 ก็แย่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 17 ปี เพราะรายได้คนยังไม่ดีขึ้น ขณะที่ของแพง ส่วนดัชนีความสุขในอนาคต อยู่ที่ระดับ 26.9 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์”

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่แพงเพิ่มแรงกดดันการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกให้ชะลอลง และอาจส่งผลกระทบทำให้การส่งออกไทยมีความเสี่ยงอาจเติบโตไม่ได้ตามเป้าหมายส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้นในเดือนมิ.ย. นี้ รัฐบาลควรเร่งโครงการ คนละครึ่งเฟส 5 คนไทยเที่ยวด้วยกัน และเร่งเปิดธุรกิจกลางคืน หากทำได้จะมีเม็ดเงินราว 1แสนล้านบาท เข้ามาในระบบเศรษฐกิจ มีการจ้างงานเพิ่มอย่างน้อย 1 ล้านคน สามารถช่วยประครองเศรษฐกิจไทยปีนี้ให้เติบโตได้ 3.5%

นอกจากนี้ รัฐบาลควรต่ออายุมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 3 บาท/ลิตร ออกไปอีก1เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 20 พ.ค. 2565 เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 35 บาท/ลิตร โดยหากรัฐบาลมีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตอาจทำให้ดีเซลปรับขึ้นไปอยู่ที่ 38-40 บาท/ลิตร ซึ่งจะกระทบฉุดให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตต่ำกว่า2%

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนเม.ย. 2565 เกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม พบว่า อยู่ที่ระดับ 42.6 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า ส่วน อีก 6 เดือนข้างหน้า คาดว่าว่าจะแย่ลงมากถึง 47% ส่วนการลงทุน การท่องเที่ยว และภาวะเกษตรและอุตสาหกรรม มีสัดส่วนตอบว่าแย่ลงในสัดส่วนที่สูง เนื่องจากราคาน้ำมันแพงส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินการ หลายธุรกิจเริ่มมีการปรับขึ้นราคาสินค้า และในอนาคตอาจมีความเสี่ยงต่อการปลดคนงาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน