จุรินทร์ อ้อน สหรัฐอเมริกา ปลดไทยพ้น WL บัญชีจับตาด้านทรัพย์สินทางปัญญา หลังแก้ปัญหาการละเมิดเป็นรูปธรรม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือทวิภาคีไทย- สหรัฐ กับนางแคทเธอรีน ไท ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา ระหว่างงานประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่19-22 พ.ค. 2565 ว่า ไทยได้ขอให้สหรัฐอเมริกาปลดไทยออกจากบัญชี WL( Watch List) ประเทศที่ถูกจับตาด้านทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งสหรัฐจะทบทวนสถานะในเดือนก.ย.2565 เนื่องจากไทยมีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นรูปธรรม ,มีกฎหมายทรัพย์สินทางปัญหาที่ทันสมัย และมีรายงานจากผู้แทนของสหรัฐฯที่มาติดตามความคืบหน้าการดูแลด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทย รายงานไปในทางบวกที่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรมแล้ว
นอกจากนี้ ยังขอให้สหรัฐอเมริกา สนับสนุนให้ไทยเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบ และแหล่งลงทุน ด้านการผลิตวัตถุดิบทั้งขั้นต้นและขั้นกลาง ให้กับสหรัฐอเมริกา ตามนโยบายซัพพลายอเมริกา ของประธานาธิบดีไบเดน โดยต้องการให้สหรัฐเข้ามาลงทุนด้านการผลิต แบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า วัตถุดิบเกี่ยวกับอาหาร และยา และการลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์ เป็นต้น รวมทั้งขอให้ สหรัฐฯสนับสนุนการออกแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าเอเปคในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งสหรัฐฯไม่มีประเด็นขัดข้อง
นายจุรินทร์กล่าวว่า สหรัฐฯได้เชิญไทยเข้าร่วมในการประกาศเจตนารมณ์จัดตั้งกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก ซึ่งจะเกิดขึ้นวันที่ 11มิ.ย.2565 ที่กรุงปารีส ซึ่งได้แจ้งไปว่าเมื่อวันที่ 17 พ.ค.2565 ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีของไทยได้อนุมัติให้ไทยเข้าร่วมในการประกาศเจตนารมณ์แล้ว นอกจากนี้ 2 ฝ่ายยังจะร่วมกับผลักดันให้มีการประชุมระดับรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกหรือที่เรียกว่า MC 12 (Ministerial Conference)เพื่อหารือ ประเด็นสำคัญ เช่น การปฏิรูป WTO การจัดตั้งองค์กรอุทธรณ์ของ WTOให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อใช้เป็นเวทีในการระงับข้อพิพาทของสมาชิก โดยควรให้จัดตั้งโดยเร็ว
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่าในเดือนก.ย.2565 สหรัฐจะมีการทบทวนสถานะการให้ความคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ซึ่งกรมฯ ตั้งเป้าต้องการให้สหรัฐฯปลดไทยออกจากบัญีWL ให้ได้ภายในปีนี้
สำหรับสหรัฐอเมริกาถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่อไทยมาก เนื่องจากมีมูลค่าการค้าระหว่างกันใน ปี 2564 สูงถึง 1.77 ล้านล้านบาท เป็นคู่ค้าลำดับที่ 3 รองจากจีนและ ญี่ปุ่น โดยไทยได้ดุลสหรัฐอเมริกา และสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกลำดับ 1 ของไทยมีมูลค่าส่งออกรวม 1.31 ล้านล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญ เช่นคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์และอุปกรณ์ยานยนต์ เป็นต้น
